บทคัดย่อ
ในการศึกษาการใช้น้ำมูตรบำบัดในเครือข่ายชาวอโศกเพื่อศึกษาปัสสาวะบำบัด หรือน้ำมูตรบำบัด (Urine therapy) หรือการใช้ปัสสาวะของตัวเองเพื่อวัตถุประสงค์ในการรักษาโรค และส่งเสริมสุขภาพในกลุ่มชาวอโศก เพื่อทราบถึงวิธีใช้ เหตุผลที่ใช้ และผลข้างเคียงจากการใช้ปัสสาวะบำบัด การศึกษาวิจัยนี้เป็นการวิจัยเชิงพรรณนา (descriptive study) ณ จุดเวลา (Cross-sectional study) กลุ่มตัวอย่างได้แก่ ชุมชนชาวอโศกที่มีการใช้น้ำปัสสาวะบำบัด จำนวน 204 คน โดยใช้แบบสอบถามที่ผู้วิจัยได้พัฒนาขึ้นเองกับชาวชุมชนอโศกที่สมัครใจให้ความร่วมมือในการตอบแบบสอบถาม และนำข้อมูลมาวิเคราะห์
กลุ่มตัวอย่าง จำนวน 204 ราย อายุเฉลี่ย 51.3 (14.1) ปี พิสัย 18-87 ปี เป็นหญิง 61.3% การศึกษาระดับประถมศึกษา 42.6% มัธยมศึกษา 21.1% โดยที่ 68.8% อาศัยอยู่ในเขตเมือง/เทศบาล ในด้านอาชีพส่วนใหญ่เป็นนักปฏิบัติธรรม 40.7% รับจ้าง 14.7% และข้าราชการบำนาญ 10.3% สำหรับแหล่งข้อมูลความรู้กลุ่มตัวอย่างทราบข้อมูลเรื่องปัสสาวะบำบัดมาจากพระ 46% จากญาติธรรม 40% จากการอ่านหนังสือ 36% และจากพระไตรปปิฎก 29% สำหรับวิธีการใช้ ใช้ดื่ม 96%(โดยเฉลี่ยดื่มครั้งละ 1 แก้ว 1 ครั้ง/วัน) ใช้ทา 28% ใช้หยอดตา 32% ใช้สระผม 19% ใช้อาบ 12% ส่วนสาเหตุหลักที่จูงใจให้ใช้ำน้ำมูตรบำบัด 58% ตอบทำตามคำสอนของพระพุทธเจ้า 38% ตอบมีผู้แนะนำให้ใช้ และ 29% คิดว่าไม่มีผลข้างเคียง ระยะเวลาที่ใช้เฉลี่ย 6.2(6.2) ปี โดยที่ 52% ใช้ปัสสาวะบำบัดเพื่อรักษาโรค 40% ใช้เพื่อให้มีสุขภาพดี แข็งแรง และ 31% ใช้เพื่อป้องกันโรค ผลข้างเคียงและอาการไม่พึงประสงค์หลังใช้น้ำมูตรบำบัด พบว่า ส่วนใหญ่ 85% ไม่มีอาการ 10% มีอาการ คือ ท้องเสีย 5 ราย (2.5%) ไข้ อ่อนล้า คัน อย่างละ 2 ราย (1%) ส่วนใหญ่ของผู้ใช้ 87% ตอบได้ผลจากการใช้น้ำปัสสาวะบำับัด และ 84% ได้แนะนำให้ผู้อื่นใช้ด้วย
เอกสารฉบับเต็ม
การใช้น้ำมูตรบำบัดเครือข่ายชาวอโศกpart-1
การใช้น้ำมูตรบำบัดเครือข่ายชาวอโศกpart-2
การใช้น้ำมูลรบำบัดเครือข่ายชาวอโศกpart-3
ได้แล้ววันนี้