โดย : รศ.ดร.อาภรณ์ เชื้อประไพศิลป์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ |
ความเป็นมา |
สมาธิบำบัดทางการพยาบาลเป็นผลงานวิจัยเรื่องการประยุกต์ใช้หลักพุทธรรมในการดูแลผู้ป่วยมะเร็งเม็ดเลือดขาวที่ได้รับเคมีบำบัด และประสบการณ์ในการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมที่ผสมผสานภูมิปัญญาตะวันออก ทั้งด้านการป้องกัน ส่งเสริม ฟื้นฟู ดูแลเยียวยาสุขภาพของผู้รับบริการที่มีปัญหาหลากหลาย
ทฤษฎี / ภูมิปัญญาที่อธิบายสมาธิบำบัดทางการพยาบาล – หลักพุทธรรม ( ขันธ์ 5 โภชฌงค์ 7 อินทรีย์ 5 พละ 5 อิทัปปัจยาตา ที่มาของกฎแห่งกรรม)- พลังปราณ (Pranic Healing)- การใช้จินตนาการ (Guided Imagery, Creative Visualization, Visualization)- สัมผัสรักษา (Therapeutic Touch)- จิตประสาทภูมิคุ้มกันวิทยา (Psychoneuroimmunology : PNI)แนวคิดสมาธิบำบัดทางการพยาบาล – คน เป็นระบบที่มีชีวิต ประกอบด้วย กายและจิต (เวทนา สัญญา สังขารและวิญญาณ) ที่มีความเกี่ยวข้อง พึ่งพิงอาศัยซึ่งกันและกัน และสัมพันธ์เกี่ยวเนื่องกับสิ่งแวดล้อมและ จักรวาล- คน เป็นหน่วยชีวิตที่มีพลังงาน มีการเคลื่อนไหว เปลี่ยนแปลง ยืดหยุ่นอยู่เสมอ- คน เป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ (สิ่งแวดล้อม และ จักรวาล)- สุขภาพเป็นความสมดุลของกาย จิต จิตวิญญาณ และสิ่งแวดล้อม- การสูญเสียความสมดุลและความเคลื่อนไหว ยืดหยุ่น ทำให้เสื่อมสุขภาพ- สิ่งแวดล้อมทั้งภายในและภายนอกของบุคคลมีการแลกเปลี่ยนพลังอยู่เสมอ- การพยาบาลเป็นการช่วยเหลือให้การปรับตัวทั้งภายในร่างกายของคน คนกับสิ่งแวดล้อมและจักรวาลอยู่ในภาวะสมดุล- พยาบาลสามารถช่วยปรับพลังโดยการเปลี่ยนถ่ายหรือแลกเปลี่ยนพลัง (Transformation/interchange) ระหว่างคนกับสิ่งแวดล้อม/จักรวาล และช่วยให้สนามพลังรอบร่างกาย (Energy field) สมดุลขั้นตอนการใช้สมาธิบำบัดทางการพยาบาล มีดังนี้คือ 1. สร้างสัมพันธภาพแบบดุลยภาพ2. สำรวม กาย วาจา ใจ3. ปรับจิตให้ตั้งมั่นเป็นธรรมชาติ4. ตั้งจิตอธิษฐาน อาราธนาขอพลัง5. ขอขมาเจ้ากรรมนายเวร6. สัมผัสเยียวยา7. ผ่อนคลาย8. กำหนดสติ ทำสมาธิ9. ประเมินพลัง10. กวาดล้าง-ดึงพลัง-เติมพลัง11. ปรับสมดุล12. แผ่เมตตาปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการทำสมาธิบำบัด – จิตที่ตั้งมั่น ลุ่มลึก สงบเย็น- ระลึกรู้ทุกอย่างตามความเป็นจริง- มองทุกอย่างเป็นการเรียนรู้ เป็นปัญญา- สิ่งขัดขวางสมาธิบำบัด คือ โลภ โกรธ หลง อิจฉา ริษยา อาฆาต พยาบาท ยึดมั่น ถือมั่น วิตกกังวล- ความเชื่อ ความศรัทธา ประสบการณ์และหลักฐานที่ทำให้เกิดความมั่นใจในการทำสมาธิ- ความอดทนพากเพียรทำอย่างต่อเนื่อง ทำเป็นกิจวัตรประจำวัน (ผู้ป่วยบอกว่า “ทำวันละ 4 ครั้งเหมือนทานยาหลังอาหารและก่อนนอน ไม่ได้ทำเหมือนไม่ได้อาบน้ำ”)- บรรยากาศ และสิ่งแวดล้อมที่สงบทักษะการดูแล – การประเมินสถานการณ์- การสร้างบรรยากาศ- ความเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ- การเหนี่ยวนำให้เกิดความนิ่งของจิตและการผ่อนคลาย- การให้ความรู้ ให้ปัญญาเข้าใจชีวิตตามความเป็นจริงการเหนี่ยวนำ ชี้ทาง บอกทาง – ประสานกาย – จิต- เปลี่ยนจิต เปลี่ยนใจ (ให้ปัญญา)- ประคบประหงมจิตวิญญาณ (ความดี ความงาม กุศล ผลทาน)- แผ่เมตตา- ขอขมาเจ้ากรรม นายเวร- เหนี่ยวนำด้วยคำพูด เสียงสวดมนต์ เสียงระฆัง (ระฆังแห่งสวรรค์)- ผู้เหนี่ยวนำ ผู้ชี้ทาง ต้องมีความตั้งมั่นแห่งจิต ความสงบไม่เช่นนั้นจะทำให้การเหนี่ยวนำติดขัดไม่รื่นไหล ทำให้ผู้รับการบำบัดไม่สงบผลของสมาธิบำบัด – ลดอัตราการใช้พลังงานของร่างกาย- ลดความเครียด ความดันโลหิต คลอเลสเตอรอล- แก้ภาวะวิกฤตของชีวิต- ช่วยให้ชีวิตมีประสิทธิภาพ- สร้างเสริมสุขภาพ- รักษาโรคการประยุกต์ใช้สมาธิบำบัดทางการพยาบาล พยาบาลผู้ให้การบำบัดศึกษาและลงมือฝึกสมาธิเพื่อให้สามารถใช้สมาธิในการประสานกายและจิต ให้กายและจิตเป็นหนึ่งเดียว ใช้จิตที่เป็นสมาธิเยียวยาผู้รับบริการตามขั้นตอนที่กล่าวมา โดยมีข้อบ่งใช้คือ ใช้ผสมผสานการรักษาในกรณีที่ผู้รับบริการรู้สึกสับสน วุ่นวาย ตื่นตระหนก (panic) เครียด กังวล กลัว ปวด นอนไม่หลับ คลื่นไส้ อาเจียนจาการให้เคมีบำบัด เตรียมผู้รับบริการก่อนผ่าตัด ทำหัถการต่างๆ ก่อนหย่าเครื่องช่วยหายใจ ฯลฯ โดยทั่วไปใช้ได้ทุกกรณี ไม่ว่าจะเป็นการส่งเสริมสุขภาพ เพื่อให้การปรับตัวของร่างกายให้เกิดความสมดุลของกาย-จิต-สังคม-จิตวิญญาณ และในรายที่มีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นเซลล์ เพื่อสร้างความสมดุลของกระแสแม่เหล็กไฟฟ้าชีวภาพในร่างกายและเพื่อสร้างความสมดุลของปราณ (พลังแห่งชีวิต, Chi, Ki)สำหรับผู้ป่วยมะเร็งควรประเมินภาวะสุขภาพอย่างครอบคลุมเพื่อให้เข้าใจผู้ป่วยและบริบทของผู้ป่วยอย่างถ่องแท้เพื่อช่วยให้เกิดความสมดุล ความพอดี ในการปรับตัวต่อการดูแลสุขภาพของผู้ป่วย ควรกระตุ้นให้ผู้ป่วยสามารถทำสมาธิได้ด้วยตนเองและเข้าใจชีวิตตามความเป็นจริงของการมีชีวิตอยู่กับมะเร็งซึ่งต้องเข้าใจตัวเอง เข้าใจโรค เข้าใจวิธีการรักษาและเยียวยาตนเอง บรรณานุกรม สร้างเมื่อ 17 – พ.ค.- 49 |
|
ได้แล้ววันนี้