การรักษาในแนวธรรมชาติบำบัดนั้นมองแบบองค์รวมในการรักษาภูมิแพ้ สิ่งที่ควรต้องปรับจะยึดหลักให้สอดคล้องกับการดำเนินชีวิตประจำวัน เริ่มตั้งแต่การกินที่ถูกต้องดังที่กล่าวมาข้างต้น และต้องหลีกเลี่ยงสิ่งที่แพ้ รวมถึงการล้างพิษที่ถูกวิธี การได้วิตามินเสริมเพื่อบรรเทาอาการภูมิแพ้ตามความจำเป็น
การนอนพักผ่อนที่เพียงพอก็เป็นปัจจัยที่สำคัญต่อการรักษาสุขภาพถ้าปฏิบัติเช่นนี้แล้วอาการยังไม่ดีขึ้นควรมีการรักษาเพิ่มเติม เช่น การฝังเข็มรักษาภูมิแพ้ การได้วิตามินระดับสูงทางเส้นเลือด หรือแม้กระทั่งการจัดการกับความเครียดเพื่อการพักผ่อนที่มีประสิทธิภาพ การออกกำลังกายเพื่อเพิ่มภูมิต้านทาน ก็ทำให้อาการภูมิแพ้ดีขึ้นได้
โดยมีขั้นตอนการรักษาแบ่งเป็นหลายระดับ ดังนี้1. รักษาโดยการปรับอาหาร ปรับพฤติกรรมและให้วิตามินแบบรับประทาน2. ตามข้อ 1 + การสวนกาแฟ3. ตามข้อ 2 + การให้วิตามินซีระดับสูงทางเส้นเลือดดำ และการฝังเข็ม
ทางศูนย์ธรรมชาติบำบัดบัลวีได้เก็บข้อมูลผู้ป่วยภูมิแพ้ที่เข้ามาทำการรักษา ตั้งแต่วันที่ 1 กค. 2546 -31 กค. 2547
โดยมีหลักการการคัดเลือกผู้ป่วยคือ1. เป็นโรคภูมิแพ้อากาศ อย่างเดียว และหรือร่วมกับอาการไซนัสอักเสบ หรือ ลมพิษ2.มาติดตามการรักษาสม่ำเสมอ จนจบการรักษา ครบ 10 ครั้ง3. ไม่มีภาวะแทรกซ้อนด้วยโรคอื่น เช่น มะเร็ง, ไตวายเรื้อรัง, โรคตับเรื้อรัง
มีผู้ป่วยที่เข้าเกณฑ์ทั้งหมดจำนวน 40 คน แบ่งผลการรักษาได้เป็น1. ผู้ป่วยที่ตอบสนองดีมากต่อการรักษา (A) จำนวน 14 คน (35%)2. ผู้ป่วยที่ตอบสนองดีต่อการรักษา (B) จำนวน 13 คน (32.5%)3. ผู้ป่วยที่ตอบสนองพอใช้ต่อการรักษา (C)จำนวน 4 คน (10%)4. ผู้ป่วยที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษา (D) จำนวน 9 คน (22.5%)
สรุปโดยรวมว่าการรักษาในแนวธรรมชาติบำบัด น่าจะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของการรักษาภูมิแพ้ให้มีอาการน้อยลงและคุณภาพชีวิตดีขึ้น และมีข้อสังเกตว่ามีผู้ป่วยส่วนหนึ่งไม่สามารถที่จะปรับแนวทางการบริโภค ปรับพฤติกรรมต่าง ๆ ก็ไม่ตอบสนองต่อการรักษาได้เช่นกัน
แต่เนื่องจากการเก็บข้อมูลเป็นแบบ Descriptive retrospective จึงไม่มีกลุ่ม control ให้เปรียบเทียบ และผลของการรักษาเป็นการเก็บข้อมูลจากการซักประวัติความรุนแรงของอาการหลังการรักษา ความพึงพอใจหลังรับการรักษา ติดตามผลด้วยการตรวจร่างกายเบื้องต้นเท่านั้น จึงควรมีการทดลองเพิ่มเติมมากกว่านี้
ที่มา : บัลวีรายปักษ์ ฉบับที่ 96: 16-31 พ.ค. 50
สร้างเมื่อ 30 – พ.ค.- 50
ได้แล้ววันนี้