โยคะเป็นปรัชญาแขนงหนึ่งของ ศาสนาในอินเดียที่กำลังได้รับความสนใจ เพราะวิทยาศาสตร์แบบดั้งเดิมมีแนวคิดในการแยกจิตใจออกจากกาย คือสิ่งที่ถูกสังเกตและผู้สังเกตจะแยกจากกัน ซึ่งไม่สามารถใช้อธิบายสิ่งต่างๆ ทั้งหมด แต่คัมภีร์ปรัชญาศาสนาของทางตะวันออกสามารถอธิบายสิ่งต่างๆ ได้ วิทยาศาสตร์สมัยใหม่เริ่มมีแนวคิดว่า จิตใจกับกายจะไม่แยกออกจากกัน การได้คำตอบของสิ่งต่างๆ จะมาจากการตั้งคำถามและวิธีการทดลองที่แตกต่างกัน และยังขึ้นกับจิตของมนุษย์ที่ไปกำหนด คำตอบต่างๆ มีกฎ…
โยคะ เป็นปรัชญาแขนงหนึ่งของ ศาสนาในอินเดียที่กำลังได้รับความสนใจ เพราะวิทยาศาสตร์แบบดั้งเดิมมีแนวคิดในการแยกจิตใจออกจากกาย คือสิ่งที่ถูกสังเกตและผู้สังเกตจะแยกจากกัน ซึ่งไม่สามารถใช้อธิบายสิ่งต่างๆ ทั้งหมด แต่คัมภีร์ปรัชญาศาสนาของทางตะวันออกสามารถอธิบายสิ่งต่างๆ ได้ วิทยาศาสตร์สมัยใหม่เริ่มมีแนวคิดว่า จิตใจกับกายจะไม่แยกออกจากกัน การได้คำตอบของสิ่งต่างๆ จะมาจากการตั้งคำถามและวิธีการทดลองที่แตกต่างกัน และยังขึ้นกับจิตของมนุษย์ที่ไปกำหนด คำตอบต่างๆ มีกฎตายตัวที่คอยกำหนด ไม่ใช่พระเจ้าเป็นผู้กำหนดเหมือนความเชื่อในสมัยก่อน การเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติเกิดขึ้นจากภายในของตัวมันเองและมีแบบแผนที่ สัมพันธ์กัน ซึ่งสอดคล้องกับเรื่องเหตุปัจจัยในพุทธศาสนา ทำให้ในปัจจุบันนี้มีการหันมาสนใจการดูแลสุขภาพแบบตะวันออกมากยิ่งขึ้น เช่น การแพทย์ของจีนมีการฝังเข็ม ของอินเดียก็คือ อายุรเวท และ โยคะ เป็นต้น
ปรัชญาโยคะ ท่านศิวานันทะได้สรุปไว้ว่า ทุกสิ่งจะมีคุณลักษณะ (Guna) 3 ประการ ได้แก่
หลักการของโยคะ มี 5 ประการ คือ
อัษฎางค์โยคะ หรือ ราชาโยคะ
ปรัตยาหาร, ธารณา, ธยาน, สมาธิ จัดเป็น โยคะภายใน
ปราณายาม คือ ลมหายใจ จะเป็นตัวเชื่อมต่อระหว่างโยคะภายนอกกับภายใน
เมื่อพิจารณาทั้ง 8 ขั้นตอนแล้ว จึงถือได้ว่าโยคะเป็นองค์รวม กล่าวคือ เป็นหลักการในการดำเนินชีวิตทำให้ชีวิตเข้าสู่ความสมบูรณ์ แต่ในแง่การบริหารทั่วๆ ไปของโยคะเหมาะกับทุกวัยไม่ว่าเด็กหรือคนชรา ซึ่งการฝึกโยคะจะต้องเริ่มจากท่าพื้นฐานก่อนโดยมีภาพประกอบ แนวคิดโยคะให้ผลดีกับร่างกาย คือ พลังงานในจักรวาลเป็นปราณใหญ่ เข้ามาสู่ในร่างกายเป็นลมปราณ ผ่านทางท่อที่มีอยู่ที่ไม่ใช่กายเนื้อ กล่าวคือ พลังงานไหลเวียนผ่านท่อได้สะดวก ซึ่งสิ่งที่จะต้องฝึก คือ อาสนะ จะทำให้ท่อต่างๆอยู่ในสภาพดี และ ปราณายาม คือ การขับพลังเหล่านี้ให้มันเคลื่อนที่ได้
ในการขับพลังเข้ามาผ่านทางท่อนาทีมีทั้งพลังร้อน (ปิงคลา คือ ทางรูจมูกขวา) กับ พลังเย็น (อิทา คือ ทางรูจมูกซ้าย) แล้วโคจรเข้าไปในร่างกายโดยมีสุศุมนาเป็นท่อหลัก ตรงจุดที่ อิทา ปิงคลา และ สุศุมนา ไขว้กันคือจักระ ซึ่งก็คือแหล่งพลังงาน (รายละเอียดจักระอยู่ใน เรื่อง พลังกายทิพย์) โยคีปฏิบัติอาสนะเพื่อให้ท่อหรือนาทีแข็งแรงอยู่ในสภาพที่ดี และ ฝึกปราณายามเพื่อขับเคลื่อนพลังงานจักรวาลให้มาฝังตัวในร่างกาย
ท่าบริหารร่างกายแบบโยคะ แบ่งเป็น 7 กลุ่ม คือ
4. กลุ่มท่าโค้งตัวไปด้านหลัง เช่น ท่าสุนัขหอน ท่าอูฐ
ประวัติวิทยากร
เภสัชกรเอกไชย พรรณเชษฐ์ เป็นเภสัชกรแผนปัจจุบัน ได้สนใจศึกษา เรื่องโยคะ จากตำราของ อาจารย์ บี เค เอส ไอเยนก้า และ ตำราของ ท่านศิวานันทะ จากนั้นจึงไปฝึกอบรมระยะสั้นที่สำนักของอาจารย์ไอเยนก้าในประเทศอินเดีย ต่อมาจึงได้เรียบเรียงหนังสือเล่มหนึ่งชื่อว่า โยคะคู่มือการปฏิบัติด้วยตนเอง ซึ่งเป็นหนังสือที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม ซึ่งได้แก่ ด้านร่างกาย จิตใจ สังคม สติปัญญา จิตวิญญาณ
นางจุฑา ลิ้มสุวัฒน์ บันทึกรายงาน
ที่มา : การบรรยาย เรื่อง “โยคะ การดูแลสุขภาพแบบองค์รวม”
โดย เภสัชกร เอกไชย พรรณเชษฐ์
วันจันทร์ที่ 10 มีนาคม 2546 เวลา 10.00-12.00 น.
ณ ห้องประชุมเบญจกูล สถาบันการแพทย์แผนไทย
กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก
ได้แล้ววันนี้