โดย : ดร.ไมตรี สุทธิจิตร
คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
สวัสดีครับ นมัสการพระคุณเจ้า ผู้ฟัง และผู้สนใจ ในวันนี้ตอนเช้าอาจารย์สาทิสได้พูดเรื่องอาหาร ซึ่งเป็นหลักสำคัญช่วยในด้านของภูมิคุ้มกันและการรักษา ในการรักษาอาการแทรกซ้อนทั้งหลายที่เกิดขึ้นก็ต้องรักษาตามอาการ มีการดูแลสุขภาพหลังการรักษาอย่าง
ต่อเนื่อง ถ้าดูแลดีก็จะอยู่ได้นาน ถ้าดูแลไม่ดีก็อาจจะมีอาการอื่นแทรกซ้อนได้ง่าย ผมก็จะมาพูดเรื่องอาหารที่จะช่วยทำให้การรักษามีคุณภาพมากขึ้น และเพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยมะเร็งให้ดีขึ้น ขอพูดในด้านทฤษฎี ในฐานะที่ผมเป็นนักชีวเคมี เป็นอาจารย์สอนทางวิทยาศาสตร์การแพทย์ เพื่อเสริมให้ท่านเข้าใจและสามารถอธิบายสิ่งที่เกิดกับผู้ป่วยได้อย่างไร การที่จะส่งเสริมให้มีสารสำคัญหรือสารภูมิคุ้มกัน หรือเซลคุ้มกันดังกล่าว ก็จะต้องลดอาหารที่ทำลายภูมิคุ้มกันด้วย เช่น ไม่กินหวาน มัน ของมีพิษ ทั้งหลาย ขณะเดียวกันก็เพิ่มสารอาหารหรือสิ่งที่มีประโยชน์ต่อภูมิคุ้มกันด้วย ได้แก่ วิตามิน แร่ธาตุ ดังที่กล่าวแล้ว ต้องควบคุมน้ำหนักของร่างกาย ไม่กินมากเกินไป กินพอเพียง ไม่ผอมมากเกินไป ขณะเดียวกันก็จะเพิ่มคุณภาพชีวิตในอีกด้านหนึ่งที่จะควบคุมร่างกายให้มีโปรตีน แคลอรี่ พลังงาน ที่เพียงพอ ไม่มีความอ่อนเพลีย เมื่อยล้า ได้รับสารวิตามินแร่ธาตุที่เพียงพอ ทั้งเหล็ก ทองแดง วิตามินซี วิตามินอีทั้งหลาย และสุดท้ายเมื่ออาการดีแล้ว ก็ต้องระมัดระวังไม่ให้กลับไปเป็นอย่างเดิมอีกไม่เป็นซ้ำ ก็ให้รักษาด้วยอาหารสมุนไพร การออกกำลังกาย และจิตใจรวมกัน เป็นการเพิ่มอายุของผู้ป่วยมะเร็ง
ในทุกคนจะมียีนส์มะเร็ง “ยีนส์” คือ สารพันธุกรรมซึ่งมีอยู่ในร่างกายแล้ว แต่เราไปกระตุ้นให้มันทำงานมากขึ้น ทำให้เซลมะเร็งเกิดการแบ่งตัวมากขึ้น ถ้าเราหาวิธีหยุดยั้งก็คือ ลดปัจจัย ลดเหตุนั้น ปัจจัยอันหนึ่งที่ทำให้เกิดมะเร็ง คือ สารอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นอีกทฤษฎีหนึ่งนอกจากเรื่องของภูมิคุ้มกันแล้ว สารอนุมูลอิสระหรือสารพิษที่ทำลายพวกยีนส์ และ DNA ในเซลของเรานี่เอง ทำให้ยีนส์ DNA เกิดพิกลพิการ ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ จึงเร่งให้เซลแบ่งตัวมากขึ้นอย่างผิดปกติ จนกระทั่งเป็นเนื้องอกและกระจายไป ดังที่ได้ยินได้ฟังกันมาแล้ว ผมอยากจะขอแนะนำผลิตภัณฑ์อาหารพื้นบ้าน ซึ่งเราเป็นคนไทย อาหารไทย ผักพื้นบ้านไทย มีความหมายมากที่ช่วยให้สารต่อต้านอนุมูลอิสระ “ผักพื้นบ้าน” คือ พืชผักอะไรก็ตามที่ขึ้นตามท้องถิ่นมีในธรรมชาติมีคุณค่าทางอาหารและมีคุณค่าเป็นยาด้วย เป็นพืชผักพื้นบ้านที่เป็นทั้งอาหารและยา ซึ่งมีมากกว่า 300 ชนิด ในภาคเหนือ อีสาน ใต้ และกลาง พวกนี้ไม่ต้องกลัวว่าจะมียาฆ่าแมลง เพราะว่าเป็นพืชยืนต้น กินได้ตลอดปี กินได้ทั้งหัว ราก ใบ ดอก ฝัก ต้นอ่อน และเมล็ด เช่น ยอดฟักทอง ยอดตำลึง ยอดกระถิน ใบสะเดา ใบขี้เหล็ก คุณค่าทางอาหารและยาของพืชผักพื้นบ้านนี้มีมากมายหลากหลายเหลือเกิน ซึ่งก็มีสารแอนติออกซิแดนท์ ผมได้ศึกษาวิจัยด้านนี้มาเยอะ ก็พบว่าผักพื้นบ้านเรามีคุณค่าทั้งสารอาหาร วิตามิน แร่ธาตุ สารต้านมะเร็ง สารต้านการเสื่อมสภาพทั้งหลาย ที่เรียกว่า สารแอนติออกซิแดนท์ ซึ่งสารแอนติออกซิแดนท์เป็นสารที่ดี เป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระ เป็นสารพวกวิตามินเอ เบต้าแคโรธีน วิตามินซี วิตามินอี วิตามินทั้ง 3 ตัว คือ เอ อี ซี เป็นตัวหลัก และมีสารที่ไม่ใช่วิตามินและไม่ใช่สารอาหาร เรียกว่า สารไบโอฟลาโวนอยด์ (Bioflavonoids) สารไบโอฟลาโวนอยด์ เป็นสารกลุ่มโปลีฟีนอล (Polyphenols) เป็นสารที่มีรสค่อนข้างฝาดหรือขม ซึ่งมีใบพืชผักผลไม้พื้นบ้านเป็นส่วนใหญ่ ถ้าเรากินเข้าไปมันจะปกป้องไม่ให้ยีนส์มะเร็งของเราถูกทำลายเสียหาย และป้องกันเซลมะเร็งที่จะเกิดขยายตัว เซลที่เป็นมะเร็งแล้วไม่ให้ขยายเพิ่มขึ้นหรือขยายตัวมากขึ้น ฉะนั้นสารแอนติออกซิแดนท์เป็นสารหนึ่งป้องกันการเกิดและขยายตัวของมะเร็ง ถ้าเรากินอาหารผักพื้นบ้านสมุนไพรที่มีวิตามินซี เบต้าแคโรธีน วิตามินอี มีในเมล็ดผักทั้งหลายสูงมาก มีในข้าวกล้องและพวกถั่วทั้งหลาย ถั่วทุกสี ทั้งสีเหลือง สีแดง สีดำ มีวิตามินอีและสารไบโอฟลาโวนอยด์เยอะ ยอดผักทั้งหลายที่มีรสขม เช่น ยอดสะเดา ยอดกระถิน ยอดมะม่วงที่กินได้ ก็มีสารต้านมะเร็งได้ คือ สารแอนติออกซิแดนท์
ผมได้เรียนเชิญคุณแม่ปราณีจากเชียงใหม่ ซึ่งท่านได้กินผักพื้นบ้านนี้เยอะ อดีตก็เป็นมะเร็งปอด และเป็นมะเร็งที่คุณหมอบอกว่าอยู่ไม่ได้เกิน 6 เดือน เมื่ออายุ 60 ปี ตอนนี้แม่ปราณีอายุ 73 ปีแล้วครับ ผมอยากถามคุณแม่ปราณีว่า ในประวัติที่เคยเป็นมะเร็งปอดและเจ็บป่วยอื่นๆ เป็นมาอย่างไร และเปลี่ยนวิถีชีวิตมาใช้ผักพื้นบ้านและปฏิบัติตัวทุกอย่าง จนปัจจุบันนี้โรคมะเร็งปอด หายไปแล้ว เชิญครับพิธีกร : ผมถามนำแล้วกันครับ คุณแม่ปราณีเป็นมะเร็งที่ไหนครับ

คุณแม่ปราณี : 

แม่เป็นมะเร็งที่ปอดระยะ 3 แม่จะอยู่ได้แค่ 6 เดือน เป็นตอนอายุ 60 ปี

พิธีกร : 

ตอนรู้ว่าจะอยู่ได้แค่ 6 เดือน รู้สึกตกใจไหมครับ

คุณแม่ปราณี : 

ใหม่ๆ ก็เดินไปเดินมา พอนึกได้ว่า เรามีวิบากกรรม เราจำเป็นต้องต่อสู้แล้วเราจะ เอาอะไรต่อสู้ แม่ก็เอาใจของแม่ ต้องเข้มแข็ง ซึ่งตอนนั้นก็ปฏิบัติธรรมมาบ้างแล้วก็พอจะเข้าใจว่าทางไปทางมาเป็นอย่างไร พยายามเอาใจเป็นหลัก ต้องอดทน มันปวด 24 ชั่วโมง แม่หลับไม่ได้เลย มันปวด น้องแม่เข้ามาเคาะตรงประตูร้องไห้ แม่บอกว่า “ร้องไห้ทำไม พี่เป็นคนป่วยยังไม่ร้อง” โวยวายก็ไม่ได้ ใครจะช่วยได้ หนึ่งวิบากเรามาแล้ว ต้องมีความอดทน ถ้าเราไม่ทนแล้วใครจะทนแทนเรา แม่ก็เลือกกินอาหารแบบที่มันไม่แสลง แต่ก่อนแม่กินทุกอย่าง แม่กินของดิบของแดง แล้วก็โมโหร้ายด้วย พอแม่มารู้ว่าที่มาที่ไปเกี่ยวกับแม่เป็นมะเร็ง 1.แม่กินอาหารไม่เลือก 2.แม่โมโหร้าย เพราะเป็นพี่คนโตเลี้ยงน้องอีก 4 คน ต้องรับภาระในบ้าน ต้องเก็บกด ความเก็บกดก็ไม่ดีทำให้แม่เป็นมะเร็ง ทรมานที่สุดเลย แต่ก็ทนได้ ถ้าเราไม่เป็นก็ไม่รู้ ที่เป็นนั้นดีแล้ว มีทั้งโทษทั้งคุณประโยชน์ เราจะได้ฝึกตัว ฝึกด้านจิตใจ ฝึกอดทน ไม่อย่างนั้นเราไม่รู้หรอก เห็นเขาเป็น “ปวดไหม” ก็อยู่ที่ ตัวคนเป็น พอแม่เป็นก็ “โอ้ย…ใช่แล้ว มะเร็งเป็นอย่างนี้หรือ”
แม่เป็นหลายโรค เป็นโรคเข่าเสื่อม 2 ข้าง เป็นความดันโลหิตต่ำ เป็นไซนัส เป็นต้อเนื้อ เป็น 7-8 โรค โรคที่ 8 ปวดฟันเป็นกันทุกคน แม่ก็ต่อสู้มา แม่ไม่ท้อ บาปมีจริง บุญมีจริง เราต้องรับผลกรรมที่เราทำไว้ อดีตชาติหรือปัจจุบันก็ไม่รู้ ใครจะช่วยเราได้ เราต้องอดทน แต่แม่ไม่กินยา ตั้งแต่เด็กแล้วไม่ชอบกินยา ถ้าเป็นไข้พ่อก็ตี ที่แท้พ่อตีให้กินยา เราก็ไม่กิน เอาไปทิ้งบ้าง เอาไปแอบไว้บ้าง พอหลังๆ มารู้ตอนเราโต แม่อายุ 70 ปี ยังไม่ยอมกินยา แม่เป็นหลายโรคนะ แม่ว่าดีแล้ว ที่เป็นโรค แม่จะได้เป็นตัวอย่างให้หลายๆ คนที่เป็นอย่างแม่ จะได้บอกชัด มันเกิดที่เราชัดกว่าที่อื่น แม่ก็คิดอย่างนี้นะ

พิธีกร : 

เท่าที่ฟังดู แม่เป็นคนที่เข้มแข็งทีเดียว พอรู้ว่าเป็นมะเร็งก็ไม่ได้ตกใจเท่าไร ยอมรับความจริงได้ พร้อมที่จะต่อสู้ต่อไป

คุณแม่ปราณี : 

แต่แม่ชอบศึกษาค้นคว้า ถ้าใครเป็นมะเร็งก็บอก แม่ชอบเข้าไปหาคนเป็นมะเร็ง ถ้าเป็นขั้นหนึ่งนะแม่ยอมแพ้เลย แม่เหนื่อย ขั้นสองแม่ก็ยอมแพ้ ตัวนี้ชัด การพูดจากันนะใครจะเหนื่อย ไม่เหนื่อย พอขั้นสาม แม่ระยะขั้นสามพูดได้ พอขั้นสี่แหละแม่ ขั้นสี่เขาไม่ยอมพูดกับแม่แล้ว เหมือนแม่แพ้ขั้นสองขั้นหนึ่งนะ

พิธีกร : 

คุณแม่ลองดูซิครับว่าทำไมเราถึงดีขึ้น อะไรบ้างที่เราทำในการดำเนินชีวิตที่ทำให้มะเร็งฝ่อครับ

คุณแม่ปราณี : 

ที่มะเร็งฝ่อลงด้วยว่าหนึ่งคงเป็นกุศลผลบุญที่แม่ได้ทำ ถ้าได้ให้แล้วก็ได้ช่วยที่เขามีความลำบาก แม้นิดแม้น้อยเราก็สบายใจแล้ว แม้สิ่งของเรามีน้อยนะไม่มีค่าเท่าไหร่ ก็มากด้วยน้ำใจ แม่ก็คิดแต่สิ่งที่ดีนะ แม่บอกว่าไม่เสียชาติเกิดแล้ว เกิดมาชาตินี้ แต่เสียดายนะมันก็อาภัพ อ่านหนังสือไม่ออก

พิธีกร : 

ก็คิดแต่เรื่องดีๆ ช่วยเหลือผู้อื่นนะครับ แล้วคุณแม่ดูแลตัวเองอย่างไรบ้างครับ ?

คุณแม่ปราณี : 

แม่ดูแลตัวเอง ก็อาหาร อารมณ์ อากาศ ในเรื่องอาหาร ตอนที่แม่เป็นหนักๆ แม่ก็กินแมคโครไบโอติกส์ แม่กินอาหารรสจืด แม่ไม่ชอบกินเผ็ดๆ ถ้าตักใส่จานนั้นบอกเมื่อไหร่จะหมดซะที ถ้ามันไม่หมดแม่ก็บอกว่า อยาก อยาก แม่อยาก ถ้าเราทำเล่นได้เล่นนะคุณ ถ้าเราทำจริงได้จริง แม่ก็อยากได้ของจริง เกิดมาชาตินี้ เกิดมาชาติหน้าเราจะเป็นอะไรก็ไม่รู้

พิธีกร : 

กินอาหารแมคโครไบโอติกส์นะครับ อารมณ์เป็นยังไงครับ

คุณแม่ปราณี : 

อารมณ์ ก็เมื่อก่อนแม่โมโหร้าย พอแม่ปฏิบัติธรรมสายปฐมอโศก แม่ก็ทำใจได้เยอะ แม่ก็รู้ที่ไปที่มา เมื่อก่อนนี้ถ้าแม่ทะเลาะกับใครนะ แม่ถึงบันไดบ้านเลย แม่โง่ แม่ไม่เอาแล้วเดี๋ยวนี้ไม่เอาแล้ว

พิธีกร : 

ตอนนี้ถ้าทะเลาะกับใครแม่ทำไงครับตอนนี้

คุณแม่ปราณี : 

ถ้าทนฟังไม่ได้ ตอนนี้แม่ก็ถอยแม่ก็บอกหยุดที่เราดีกว่า ทนได้เป็นพระชนะเป็นมาร แม่ก็พยายามปลอบใจตัวเองอย่างนี้ ทำใจน่าดูนะ อยู่ร้านมังสะวิรัติ หลายพ่อหลายแม่มารวมกันเป็นกลุ่มเป็นก้อน

พิธีกร : 

ปฏิบัติธรรมนี่ นั่งสมาธิวิปัสสนาอะไรหรือเปล่าครับคุณแม่คุณแม่ปราณี : 

ถ้าแม่นั่งสมาธินี่แม่จะง่วงนอน แม่ชอบธรรมะ สวดมนต์ แล้วก็แม่อยู่กับงาน ตอนแม่ทำงานจุดไหนก็ช่าง งานบ้าน หรืองานร้าน แม่ก็จะเอาใจของแม่ “ตอนนี้เราอยู่กับมีดนะ ให้ระวังมือนะ” มีสติ รู้ตัวตลอดเวลา ถ้าตอนนี้แม่จะออกจากบ้านนะ แม่เดินมาจากบ้านแม่หน้าโรงพิมพ์มาหาร้านมังสะวิรัติ ประมาณ 2 กิโลฯ ออกบ้านปุ๊บ แม่ก็จะเพ่งว่าอย่าไปโกรธนะ อย่าไปเพ่งโทษใครนะ วันนี้จะไปช่วยชีวิตสัตว์ แม่ก็อธิษฐานในใจอย่างนี้ ปัจจุบันนี้แม่ก็อธิษฐาน ไปไหนแม่ก็อธิษฐานใจให้แม่อยู่รอดไปวันๆ ก็พอแล้ว

พิธีกร : 

มีสตินะครับ มีสติอยู่กับปัจจุบัน ไม่กลัวตายด้วยนะครับคุณแม่ แล้วอากาศล่ะครับ อากาศนี่คุณแม่อยู่ในที่ต่างจังหวัดนี่อากาศดีอยู่แล้วไหมครับ ?

คุณแม่ปราณี : 

ที่บ้านอากาศดีมากค่ะ ที่บ้านแม่ก็จะต้องมาอยู่ข้างนอก อากาศดี มีต้นไม้ค่ะ

พิธีกร : 

ในเบื้องต้นนี้อาจารย์มีอะไรจะเพิ่มเติมไหมครับ

ดร.ไมตรี : 

ขอแทรกนิดหน่อยฮะ ก่อนที่คุณแม่จะเป็นนี่ คุณแม่ มีธุรกิจขายเนื้อสัตว์นะครับ คุณแม่กินอาหารสัตว์ พอจะเปลี่ยนวิถีชีวิตซึ่งลำบากมากครับ ซึ่งเปลี่ยนจากกินอาหารสัตว์เป็นอาหารมังสะวิรัติอาหารอย่างที่แม่ทานนี่ แม่ทำใจได้ไงครับ? แล้วก็เดี๋ยวนี้ก็จะสนับสนุนให้คนมาหันไปกินแต่อาหารผักมากขึ้น เขาก็บอกไม่อร่อย ไม่ชอบ กินแล้วไม่อิ่ม

คุณแม่ปราณี : 

เมื่อก่อนพ่อกับแม่เขาล้มหมูล้มวัวควาย กินลาบ ตับดิบ แม่กินเหมือนพ่อเลย แต่ว่ากินด้วยความไม่รู้ แล้วพ่อก็ไม่ได้บอก เหมือนปัจจุบันนี้ใช่ไหม เมื่อก่อนตอนนั้นก็เอาแต่ค้าขาย พอเรามาปฏิบัติธรรมสังคมก็กว้างขึ้น หลายๆ คนก็พูด แม่ก็เริ่มเข้าใจ เริ่มเข้าใจแม่ก็หยุด กินผักก็ต้องกินผักไร้สารพิษ มันแพงไปไม่กี่บาทหรอกแต่ว่าสุขภาพเราดี

พิธีกร : 

ผักที่คุณแม่กินนี่ มีอะไรบ้างครับ ไหนช่วยบอกตัวอย่างหน่อยครับ

คุณแม่ปราณี : 

ปัจจุบันนี้ที่กินก็มี ถ้าแม่ทานสมุนไพรก็มีข่า ตะไคร้ ขิง ใบมะกรูด กระชาย โหระพา ตะเภาดำ สะหระแหน่ แล้วก็แพรว ยอดมะม่วง ยอดมะกอก ยอดใบยอ พวกขมๆ ที่แม่เป็นมะเร็งหนักๆ นี่ แม่ก็กินพวกขมๆ พวกมะระขี้นก ข้ม…ขม แล้วผักคราวตองนี่ก็เหม็นกินไม่ได้เป็นที่สุด

พิธีกร : 

ผักคราวตองนี่เป็นไงคุณแม่ที่ภาคกลางเขาไม่มี

คุณแม่ปราณี : 

ภูคราว ภาษาลาวเรียกภูคราว ทางเหนือเรียกคราวตอง ตอนที่แม่เป็นหนัก ๆ นี่ก็มีญาติที่ทำปั่นให้แม่ ปั่นให้ทีละแก้วนะ แก้วแรกแม่มันก็กลืนยากนะ เหม็นก็เหม็น พอครึ่งแก้วคนกิน ก็คอยจะจิบ ไม่ได้แม่ณีต้องกินอีกครึ่งแก้ว รวมแล้วจะเป็นแก้วหนึ่ง แม่ก็แก้วก็แก้ว กินก็ลำบากที่สุด อย่างปักกิ่งก็กินง่าย นอกนั้นก็กินง่ายหมด น้ำฉี่แม่ยังกินง่ายเลย และเหลือคราวตองก่อน ที่ผ่านมาแม่กินสามรอบ ยกรากยกโคนเลย แม่ไม่หิวหาว แม่ไม่เอา เพราะแม่เป็นหลายโรค มันก็ดีจริงๆ เลยนี่แม่เบาขึ้นนะ อย่างเข่าสองข้างนี้ ไปตรวจที่โรงพยาบาลข้างหนึ่งเขาจะเอาแสนห้า แม่ก็บอกคุณหมอแม่ขอคิดดูก่อน แม่ก็มั่นใจในน้ำปัสสาวะ แม่ก็บอกว่าถ้าเราไม่จริงจังแล้วเราจะรู้หรือว่าน้ำปัสสาวะดีแค่ไหน ดีจริงไหม แม่เลยไม่กินยา ตัดออกไปเลย ขนาดไปถอนฟันมานะ หมอให้กัดสำลีไว้ก่อน แม่ก็กัด พอน้ำฉี่ออกแม่ก็อม ยาแม่ก็ไม่กิน แจกให้ข้างบ้านบ้าง น้องบ้าง แม่บอกยาแก้ปวด แม่ไม่กินหรอก เดี๋ยวยาแม่จะออกแล้ว ยาพระพุทธเจ้าก็ปัสสาวะแม่นะ

พิธีกร : 

ขออนุญาตถามอาจารย์ไมตรีนิดหนึ่ง อาหารที่คุณแม่กินมันช่วยให้คุณแม่ดีขึ้นหรือเปล่าครับ

ดร.ไมตรี : 

เดี๋ยวขอสไลด์ด้วยครับ พยายามจะแทรกเรื่องอาหาร เพราะหัวข้อมันเกี่ยวกับอาหารและสมุนไพรด้วย อาหารพื้นบ้าน อาหารไทย ในฐานะที่เป็นนักวิทยาศาสตร์จะเอาความรู้ที่อธิบายได้ในตำหรับตำราวารสารวิจัยทั้งหลายมาประกอบว่า ที่คุณแม่ปราณีนอกจากปฏิบัติตัวอย่างดีแล้ว ทางกาย จิตใจแล้ว อาหารเป็นส่วนหนึ่ง เพราะเหตุใดคุณแม่เปลี่ยนวิถีชีวิตกินเนื้อสัตว์กลับมากินอาหารจากพืชมากขึ้น สารจากพืชมีสารอาหารสำคัญ เช่นโปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมัน วิตามิน แร่ธาตุ เส้นใยอาหาร อยู่มากเพียงพอนะครับ ที่สำคัญกว่านั้น นอกจาการอาหารแล้วยังมีแอนติออกซิแดนท์ สารต้านทานอนุมูลอิสระ ก็สำคัญด้วย สำคัญมาก ๆ ทีเดียวสำหรับผู้ที่เป็นโรคมะเร็งหรือโรคเสื่อมสภาพทั้งหลาย ซึ่งได้แก่ สารแคโรทีนอยด์ สารไบโอฟลาโวนอยด์ โปลีฟีนอล ทั้งหลายรวมทั้งวิตามิน กลุ่มวิตามินเอ บี กลุ่มอี นอกจากแอนติออกซิแดนท์ ยังมีสารอีกกลุ่มชื่อว่าสารต้านมะเร็ง ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นสารมีฤทธิ์ในการไปฆ่าเซลมะเร็งเอง หรือช่วยภูมิคุ้มกันก็มาจากอาหารด้วย ได้แก่ สารอินโคลคาร์บินอล (Indole Carbinol) ซึ่งเป็นพวกผักตระกูลกะหล่ำทั้งหลาย ผักกาด คะน้าทั้งหลาย จะมีสารพวกนี้เยอะ อะลิกซิน ก็เป็นสารสำคัญที่เป็นสารกำมะถัน ซึ่งได้แก่ ตระกูลกระเทียม หัวหอม หรือที่มีกลิ่นทั้งหลาย อิลลิซิน (allicin) มีประโยชน์ในการต้านมะเร็งเช่นเดียวกัน อีกอันหนึ่ง เคอร์คิวมิน (Curcuminoids) เป็นสารที่มีสีเหลือง อยู่ในขมิ้นชันที่ใช้แกง พวกเครื่องเทศ ขิง ข่า กระชาย ตะไคร้ มีสารที่มีคุณค่าทางอาหารแล้วยังมีสารต้านมะเร็งด้วย จะเป็นพวกน้ำมันหอมระเหย พริก พวกมีสี มีกลิ่น มีรสเผ็ดทั้งหลาย เป็นตัวขับน้ำดี ขับลม ขับสารพิษทั้งหลาย และตัวเองก็ช่วยทำลายและต้านมะเร็งด้วย รวมทั้งแอนติออกซิแดนท์ด้วย ยังมีอีกมากมายที่เป็นสารในพืชผักสำหรับสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็นผลไม้ ธัญพืช เครื่องเทศ เครื่องดื่ม เช่น ชาเขียว ชาอูล่ง หรือชาจีน ก็มีประโยชน์ เพราะมีสารแอนติออกซิแดนท์สูงเช่นเดียวกัน รวมทั้งผักผลไม้ที่มีสารพวกวิตามินซี และไบโอฟลาโวนอยด์ เรากินผักผลไม้หลากหลายจะช่วยป้องกันมะเร็งได้ อย่างมะเขือเทศอย่างเดียว ยิ่งสุกยิ่งมีสารพวกนี้มากขึ้น ก็มีสารไลโคปีน (Lycopene) สารสีแดงสด เป็นสารแอนติออกซิแดนท์ที่ดี ต่อต้านการเกิดโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก คนที่กินเป็นประจำจะเป็นซอส มะเขือเทศสดๆ ก็ตาม หรือทำให้สุกก็ตาม ทำให้ต่อต้านมะเร็งต่อมลูกหมากในผู้สูงอายุได้ พวกสารตระกูลกะหล่ำก็เช่นเดียวกัน มีการศึกษามากมายในหลอดทดลอง ในสัตว์ทดลองว่าสามารถยับยั้งการเจริญเติบโตไม่ให้เซลขยายตัวขึ้น มีรายงานมากมาย กระเทียมก็เช่นกัน การใช้กระเทียมก็ทำให้มันไปทำลายอนุมูลอิสระ และ DNA ที่ถูกสารก่อมะเร็งไปเกาะอยู่ซึ่งทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงให้เซลขยายตัวมากขึ้น สารแอนติออกซิแดนท์ คือสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ส่วนสารอนุมูลอิสระ คือสารที่มีอิเลคตรอนเดี่ยว มันขาดคู่จึงว่องไวมาก จึงจับสารโน้นสารนี้ ทำให้โมเลกุลหรือสารสำคัญในร่างกายซึ่งเป็นไขมันส่วนใหญ่ เช่น DNA เช่นโปรตีน เสียสภาพธรรมชาติ เสียสภาพการทำงานของเซล จึงปรากฏว่าเป็นโรคหลายโรคขึ้นมา รวมทั้งโรคมะเร็ง ถ้าเรามีสารแอนติออกซิแดนท์ไปยับยั้งตั้งแต่ตอนต้น ก็ทำให้สารอนุมูลอิสระไม่สามารถทำงานต่อไปได้

พิธีกร : 

เป็นเรื่องที่น่ายินดี อย่างน้อยสารต่อต้านอนุมูลอิสระก็เป็นสารอาหารที่มีอยู่ในพืช อยู่ในพืชพื้นบ้านของเรานี่เอง ถ้าเราหันไปทานพืชผักเหล่านี้มากขึ้น ก็จะช่วยให้ได้สารต่อต้านอนุมูลอิสระมากขึ้น ทีนี้ขอวกกลับไปผู้ป่วยมะเร็งอีกท่าน ซึ่งเป็นนักธุรกิจทางด้านโรงแรมและสวน ที่มีเรื่องราวที่น่าสนใจ คุณเธียร ธรรมรติ ตอนนี้คุณเธียรอายุเท่าไหร่ และเป็นมะเร็งที่ไหนครับ

คุณเธียร : 

ตอนเป็นมะเร็งอายุ 59 ปี ตอนนี้อายุย่าง 65 ปี เป็นมะเร็งที่ลำคอ เลยโคนลิ้นไปหน่อย หมอบอกเป็นระยะที่ 3 มี Secondary ที่ใต้คางเท่ากับไข่แดง 2 ฟอง

พิธีกร : 

มะเร็งลามไปที่ต่อมน้ำเหลืองใต้คางแล้ว ตอนนั้นหมอแนะนำการรักษาอย่างไรครับ

คุณเธียร : 

ผมรอเกือบเดือนที่หมอไม่สามารถไปหา Primary (จุดเริ่มต้น) ได้ เพราะมันเล็กมาก มันอยู่เลยโคนลิ้นไปนิดหนึ่ง ใช้เครื่องมืออุปกรณ์เยอะแยะ กล้องส่องเข้าไปที่ปอด ปรากฏว่าไม่เจอ ในที่สุดก็ไปหาเพื่อนของเพื่อน ศ.นพ.ไพรัช เทพมงคล ที่ศิริราช พอท่านเห็น ท่านก็บอกว่าเป็น สแควร์มัส CA ซึ่งสแควร์มัส CA ประมาณ 90% จะอยู่ระหว่างไหปลาร้ากับโพรงจมูก ท่านก็เลยเอามือล้วงลงไปที่คอ แล้วใช้ไฟส่อง ปรากฏว่าไม่ต้องใช้เครื่องมือตรวจหรอก ใช้มือจับก็รู้แล้ว ท่านแนะนำผมว่า ถ้าจะให้ผมรักษาละก็ จะต้อง Ad miss วันนี้เลย ผมใช้เวลาตัดสินใจ 1 ชั่วโมง อายุเกือบครบ 60 ปี ไม่เคยนอนโรงพยาบาลเลย ก็เลยตัดสินใจรักษากับหมอไพรัช ตั้งแต่วันที่ 20 พฤศจิกายน รู้ว่าเป็นมะเร็งตอนกลางเดือนตุลาคม ก็ใช้เวลา 1 เดือนถึงเริ่มรักษา

พิธีกร : 

แสดงว่าเป็นคนเข้มแข็ง พอรู้ขึ้นมาว่าจะต้องทำอะไร ชั่วโมงเดียวตัดสินใจเลย

คุณเธียร : 

ระยะ 1 เดือนที่รู้ว่าเป็น ก็ศึกษาหาความรู้ บังเอิญผมรู้จัก ศ.ดร.ไมตรี มาก่อน ได้เรียนรู้จากท่านเยอะเลย จากหมอดำรงค์ เชี่ยวสินธุ์ เพื่อนกัน และจากเพื่อนที่เป็นนักวิทยาศาสตร์ทางอาหารและหมออีกหลายท่าน ก็ได้ความรู้และรวบรวมความรู้ไว้ก่อนในการเตรียมตัวต่อสู้ในการรักษามะเร็ง

พิธีกร : 

ไม่ตกใจ พอรู้ขึ้นมาว่าเราเป็นอะไร เตรียมหาข้อมูลเตรียมพร้อมไว้ก่อน

คุณเธียร : 

รู้ปั๊บหัวเราะเลย ระหว่างนั้นก็ปฏิบัติตัวค่อนข้างจะดี ทางอาหารมังสะวิรัติช่วยไปส่งเสริมสุขภาพมาตลอดมาเป็นเวลาหลายปี ก็นึกว่า เอ๊ะ! ก็ดีเหมือนกัน แสดงว่ากรรมเก่าเรายังไม่หมด มันได้โอกาสอันเหมาะสมได้ใช้กรรมเสียที

พิธีกร : 

คือไม่กลัว พอรู้ก็ไม่กลัว ตามปกติทานมังสะวิรัติอยู่แล้วหรือเปล่าครับ

คุณเธียร : 

คนเรารู้ว่าจะไปทางไหน มันมีอยู่ 2 ทาง ทางที่ 1 คือรอด ทางที่ 2 คือตาย ในเมื่อเราเห็น 2 ประตูนี้แล้ว ถ้าเราคิดว่าเราอยากจะรอด ตายก็ไม่กลัว เพราะว่ามันเป็นประตูที่ต้องเดิน 2 ประตูนี้ มันไม่มีทางอื่น มันมี 2 ทาง อันนี้ก็ทางที่จะรอด มันจะรอดได้อย่างไร มันจำเป็นต้องใช้ทั้งศีล สมาธิ ปัญญา ทั้ง 3 อย่าง ผนึกพร้อมกัน ในระหว่างนี้ก็ตั้งใจ และขออธิษฐานอย่างคุณแม่ปราณีแหละครับ อย่างคุณแม่ปราณีเมื่อกี้บอกขออยู่ไปวันๆ มันดีนะครับ คำว่าอยู่ไปวันๆ แสดงว่าอยู่หลายวัน

พิธีกร : 

อยู่ไปวันๆ ก็ 13 ปี แล้วคุณเธียรรักษาทางแผนปัจจุบัน หรือรักษาด้วยควบคุมอาหารครับ

คุณเธียร : 

ต้องเรียนว่าแผนปัจจุบันเป็นเรื่องจำเป็น ก็ให้ทำเคโมและฉายแสง ขณะเดียวกันผมมีศรัทธาในแพทย์องค์รวมอยู่แล้วครับ และเชื่อว่าคนไข้ช่วยตัวเองได้ อันแรกเรื่องจิตก่อน ถ้ามีสมาธิจิตแยกเวทนาออกจากจิตได้ จิตเป็นสมาธิจะช่วยได้เยอะ

พิธีกร : 

นอกจากฝึกสมาธิ มีงานวิจัย 2-3 ชิ้น มะเร็งที่กลับซ้ำสัมพันธ์กับจิตใจมาก ยิ่งเครียด วิตกกังวลง่าย มีโอกาสที่จะเป็นมะเร็งกลับซ้ำได้สูง คนที่ฝึกสมาธิ ฝึกสติ ฝึกจิต ก็อย่างที่เราทราบอยู่แล้ว ที่ง่ายที่สุดก็คือทำจิตสงบและนิ่ง แก้ความเครียดได้ตรง ผมอ่านเจองานวิจัยฉบับหนึ่ง คนที่ผ่านการขบวนการฝึกสมาธิ ปรากฏว่าเขาเอาเซลมะเร็งไปเพาะเลี้ยงในหลอด เซลมะเร็งมันโตช้าก็เป็นการช่วยอธิบายที่คุณเธียรบอกว่าฝึกสมาธิแล้วทำให้ดีขึ้น มีผลดีขึ้น

คุณเธียร : 

นอกจากนั้นแล้ว ผมใช้อีกหลายทาง พลังจักรวาล บังเอิญท่าน ศ.นพ.ชัย บูรณธรรม เก่งทางด้านพลังจักรวาล ซึ่งเป็นเพื่อนรุ่นพี่ ท่านก็รักและเอ็นดูผมมาก ท่านทำให้นึกถึงว่า ระหว่างที่ผมฉายแสงและเคมี อาจารย์ ดร.ไมตรี อาจารย์หมอดำรงค์ ก็ให้พวกสมนุไพรต่างๆ ก็อย่างที่คุณแม่ปราณีพูดถึงพลูคาวผมก็ทานมาแล้ว ขมิ้นชัน ฟ้าทะลายโจร เป็นต้น ก็ใช้ได้ นอกเหนือจากนั้นก็ใช้สมุนไพรจีนด้วย เช่น เห็ดหลินจือ ยาน้ำเทียนเซียน ซึ่งมันแพงมาก อย่าเพิ่งเชื่อผมทานไปเพราะ ทำไปทุกอย่างด้วยความคิดของตัวเอง ศึกษาและก็อ่านแล้วอ่านอีกว่าไม่ได้ขัดกับการแพทย์แผนปัจจุบันและขบวนการรักษา ผมทำหมดทุกอย่าง เช่น ฉายแสงมากก็ตกสะเก็ดเป็นแผล อาจารย์ไมตรีก็เอาว่านหางจระเข้ปอกโปะเข้าไปเลย ก็เย็นดี ระหว่างที่คอมันเจ็บ ท่านก็ให้เอาน้ำว่านหางจระเข้แก้ ก็แก้ทุกทางตราบใดที่มันไม่ได้ขัดการแพทย์แผนปัจจุบัน รวมทั้งพวกวิตามิน แอนติออกซิแดนท์ ก็ทานไปด้วย ออกกำลังกาย ตากแดดเป็นประจำ รวมทั้งทำชี่กง ฝึกระบบการหายใจ รวมทั้งการเดินบนสายพานก็ต้องทำสม่ำเสมอ

พิธีกร : 

เมื่อกี้ที่คุยก็พบว่าคุณเธียรไม่เฉพาะดูแลตัวเอง หากยังนำสิ่งที่ได้ไปแนะนำคนอื่นอย่างไรครับ

คุณเธียร : 

วันนี้ผมมีคนไข้มะเร็งเกือบ 10 คน โดยมากก็มาจากญาติ จากเพื่อน ถ้าเขาต้องการคำแนะนำ ผมก็ใช้เวลาประมาณชั่วโมงครึ่งถึง 2 ชั่วโมง ในขณะที่ไปพูดให้เขาฟัง เวลาไปผมมีอุปกรณ์ไปเสร็จเลยครับ เครื่องคั้นน้ำผลไม้ อุปกรณ์ดีทอกซ์ พวกอาหารเสริมทั้งหลาย รวมไปถึงสาหร่ายเกลียวทอง ผมให้ไปหมด บางทีให้ไปทั้งพวก Olive oil, โอเมก้านายน์ ให้ไปหมด เจอกันครั้งเดียวก็ให้หมด ผมกำลังเดินออกจากบ้าน เขาทำดีทอกซ์ได้เลย และก็เริ่มเปลี่ยนวิถีชีวิตแนวคิดต่างๆ ได้ ฝึกให้เขาทำสมาธิไปพร้อมกันหมด ใช้เวลาอย่างน้อยเกือบ 2 ชั่วโมง แต่ผมบอกเขาว่าอย่าเชื่อผมให้เชื่อหมอ ที่ผมพูดทั้งหมดก็ตรงกับที่อาจารย์สาทิสว่านะครับ ตรงกับอาจารย์ไมตรีว่ามันจะต้องไปสร้างระบบภูมิคุ้มกัน จะต้องเอาพิษออก พิษทั้งร่างกายและจิตใจ จิตใจนี่สำคัญมาก คนอารมณ์ดี จิตใจดี มีเมตตาและปัญญาติดตัว เหมือนนกติดปีกบินออกจากบ้าน โอกาสที่จะเป็นมะเร็งหรือมะเร็งขยายตัวมันก็คงจะยาก

พิธีกร : 

คงไม่สงสัยนะครับคุณแม่ปราณี คุณเชียรหน้าตายิ้มแย้มตลอด คนที่มีสุขภาพจิตดีนี่ยิ่งดี วิทยากรท่านสุดท้าย ท่านเป็นผู้อำนวยการสถาบัน Mild & Body คือ จิตและกาย เมื่อก่อนท่านเคยเป็นวิศวกรไฟฟ้า เกิดอะไรขึ้นไม่ทราบ หันมาสนใจเรื่องของกายและจิต มีประสบการณ์ให้คำปรึกษา คำแนะนำผู้เป็นโรคมะเร็งเยอะเลยครับ ขอแนะนำรู้จักคุณภุชงค์ครับ

คุณภุชงค์ : 

นมัสการพระคุณเจ้าและผู้มีเกียรติทุกท่าน ในส่วนสถาบันของผมที่ได้มีโอกาสคลุกคลีกับผู้ป่วยโรคมะเร็ง เนื่องจากผมเปิดเป็นลักษณะของการบริหารกายและบริหารจิต จะมีผู้ที่มารับการฝึกฝนจากผมบางคนเขาเป็นมะเร็ง และบังเอิญผมได้มีโอกาสรู้จักอาจารย์ไมตรี คุณหมอหลายท่าน โดยติดต่อผ่านทางอินเตอร์เน็ต ก็ได้มีโอกาสศึกษาอ่านหนังสือไม่ว่าทั้งต่างประเทศและในประเทศ และรู้สึกมีบางอย่างของการดำรงชีวิตที่เรียกว่า Life Style ของคนไทย หรือคนไทยในต่างประเทศ มีความคล้ายคลึงกันที่ผิดพลาด ทำผิดแล้วปรากฏว่าไม่นำออกมาโฆษณา ก็เลยทำให้คนต่อมาเป็นกันต่อๆ ไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของอาหาร คนที่มาฝึกที่ศูนย์ผมโดยเฉลี่ยเดือนละ 1-2 คน ที่ให้คำปรึกษา สิ่งแรกเลยที่ผมเห็นได้ชัดคือสภาวะจิตใจของเขา หลายคนที่มา เกือบ 100% ที่ได้รับคำวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็ง พอกลับมาถึงบ้านจะโดดเดี่ยว สิ่งนี้สำคัญมากเป็นเพราะว่าเขาไม่มีเครือข่าย ซึ่งวันนี้เรามาจะเห็นเครือข่ายเกิดขึ้นแล้ว เป็นนิมิตอันดี การที่เรามีเครือข่ายจะทำให้คนที่ไม่เคยคุ้นเลยกับการทำอาหารมาก่อน จะได้มาสอนต่อๆ กันไป ซึ่งศูนย์ผมเองผมก็จะแนะนำ สมมติคนคนนั้นต้องการจะเปลี่ยนอาหารจากเนื้อสัตว์ มาเป็นมังสะวิรัติ หรือชีวจิต หรือแมคโครไบโอติกส์ หรือเกอร์สัน อะไรก็แล้วแต่ ต้องมีคนคอยช่วยแนะนำก่อนในระยะแรก อยู่ๆ เขาอ่านหนังสือแล้วจะไปทำเองมันยากนะครับ แล้วอยู่ๆ จะเปลี่ยนจากเนื้อสัตว์มาเป็นเนื้ออะไรก็ไม่รู้ ซึ่งเขาไม่เคยกินมาก่อน ซึ่งบางคนผมบอกเสียก่อนว่าในต่างประเทศเขาเรียกว่า Health Psychology หรือ Behavior Medicine บางครั้งก่อนที่เขาจะไปโดยเคโม เขาเคยชอบอาหารแบบนี้มาก่อน Food Pattern ก็คืออาหารในกลุ่มนั้น พอหลังเคโม ลองไปถามดูซิครับ เขาจะเบื่อไปเลย ซึ่งการเบื่อตรงนี้จะทำให้น้ำหนักเขาลด ภาวะอะไรก็ตามมา ถ้าเราผอมมากก็อาจเป็นไข้ ก็ต้องให้เขาได้มีการรับประทานอาหารที่ดีมีความหลากหลายซักหน่อย อย่างอาหารบ้านเราที่เห็นชัด ๆ ใบบัวบกหรือตำลึงเราแทบไม่ได้กิน ถ้าเกิดเราคุ้นเคยกับการกินอาหารพวกฟาส์ตฟูดส์อย่างที่ท่านอาจารย์สาทิสพูด ผลไม้อย่าง กระท้อน ฝรั่ง บางคนแทบจะไม่ได้ทานเลย จริงแล้วมันอยู่ในผลไม้ ผักบ้านเราทั้งนั้นเลย ยาบางตัวที่ความเข้าใจของบ้านเราที่ไม่ค่อยเข้าใจ ก็คือเรื่องของเอนไซม์ ก็คือตัวช่วยย่อย ซึ่งสำคัญมาก ถ้าเรากินอาหารเข้าไปแล้วไม่ย่อย ไม่มีเอนไซม์พวกนี้ ก็จะทำให้ผู้ป่วยมะเร็งมีอาการท้องอืดท้องเฟ้อ ที่จริงแล้วถ้าเรากินอาหารที่ถูกหลัก คือ กินอาหารเสร็จปั๊บ ก็มีตัวเอนไซม์ช่วยย่อยมาจากพืชผักผลไม้ ก็จะช่วยได้เยอะ
ยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่อยากให้ช่วยกันหน่อย คือ ร้านอาหาร 2 วันก่อนรู้สึกจะมีร้านอาหารตามแนวกลุ่มเลือด ในกรุงเทพฯตอนนี้ก็เริ่มจะมีร้านอาหารแนวสุขภาพกันแล้ว ต่างจังหวัดเองที่เห็นได้ชัด และเป็นตัวอย่างที่ดีมากก็คือ ชุมชนปฐมอโศก จะมีแนวทำอาหารมังสะวิรัติ ถ้าไปเชียงใหม่ก็จะไปทานก๋วยเตี๋ยวหลอด ที่ชุมชนปฐมอโศก เพราะทำอร่อยมากเหมือนกับว่าเราไม่ต้องไปเปลี่ยนอะไร เหมือนกินก๋วยเตี๋ยวหลอดธรรมดา พวกนี้บางที่เราจำเป็นมีความตื่นตัวและอยากจะให้ร้านอาหารที่ออกงานวันนี้ คือ แมคโครไบโอติกส์ ลองไปเปิดในลักษณะคล้ายๆ แฟรนไชนส์ เพราะเวลาเราไปแต่ละที่ โอกาสที่เราจะไปสัมผัสกับร้านอาหารต่างๆ สูงมาก แล้วผมไม่เห็นเป็นรูปธรรมชัดเจนว่า ร้านนี้ขึ้นป้ายแมคโครไบโอติกส์ ร้านนี้เป็นชีวจิต ยังเห็นกันน้อย ถ้ามีโอกาสรณรงค์กันก็ดี อีกเรื่องหนึ่งคือเรื่องของข้าวกล้อง บางคนกินข้าวกล้องรู้สึกอยากเปลี่ยนรสชาดข้าวกล้อง ในงานนี้จะมีข้าวกล้องนิลมณีอยู่ ข้าวหอมนิลมณีซึ่งจะมีธาตุโปตัสเซียมอยู่สูงกว่าปกติ ธาตุเหล็กสูงกว่าข้าวกล้องธรรมดา นี่แหละครับที่เราจะต้องทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง มีความหลากหลายในการกินอาหาร ไปกินของพวกอินเดียก็ได้ ประยุกต์เอาผงกะหรี่ใส่เข้าไป ประยุกต์จากอาหารแนวญี่ปุ่น เอาสาหร่ายโนริแบบไม่ปรุงรส เพราะถ้าปรุงรสเขาจะใส่ผงชูรส สาหร่ายทะเลของญี่ปุ่นเขาจะมีเกลือแร่ 17-18 ชนิด ซึ่งไม่มีในอาหารทั่วๆ ไป ทำให้หลากหลาย ทำให้ผู้ป่วยไม่เกิดอาการเบื่อ อีกเรื่องที่สำคัญ คือ จิตใจ ขอโยงการกินอาหารกับจิตใจนิดหนึ่ง เนื่องจากบางครั้งจิตใจเราเศร้าหมอง เราจะรู้สึกว่าทุกอย่างเสียไป ในศูนย์ฯ ของเรา จะมีวิธีที่ทำให้เกิดเป็นลักษณะของพลังงานด้านบวก โดยมีวิธีหลายอย่าง เช่น การภาวนาแบบหัวเราะ นั่นก็คือ ทำให้คนหัวเราะติดต่อกัน 1 นาที ผมก็ลองเก็บข้อมูลผู้ที่เข้ามาขอคำแนะนำ ไม่ว่าจะเป็นมะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งที่ปากมดลูก มะเร็งที่คอหอย ล่าสุดเป็นมะเร็งตับ เป็นวิศวกรอยู่ที่ญี่ปุ่น ทุกคนเป็นเหมือนกันหมด ผมถามว่า อาทิตย์ที่ผ่านมาเคยหัวเราะกี่ครั้ง และนานแค่ไหน บางคนแทบจะไม่ได้หัวเราะเลย ผลงานวิจัย ด้านหัวเราะมีเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นของวิลเลี่ยม ฟราย ที่แสตนฟอร์ด หรือ ดร.อิสราเอล เว็นบอร์ม และ ดร.เบอร์ริก ซึ่งล่าสุดที่ส่ง paper เกี่ยวกับการหัวเราะที่จะทำให้เซลล์มะเร็ง ที่เรียกว่า Natural Killer ตัวนี้มีสูงขึ้น พวกนี้เป็นสิ่งง่ายๆ เราจำเป็นต้องเอามาปรับปรุงร่างกาย เพราะบางคนไปฟัง คนโน้นทีคนนี้ที บอกว่ามองคิดในแง่บวก บางทีบวกไม่ไหวนะครับ ถ้าเราไม่มีเครือข่าย ยิ้มแทบจะยิ้มไม่ออกเลย นี่ก็เป็นเรื่องหนึ่ง
เรื่องสุดท้าย ก็คือเรื่องของความเข้าใจเกี่ยวกับปรัชญาของการเสื่อมสูญของชีวิต ในส่วนนี้เองผู้ที่มาขอรับการปรึกษาจากผม ผมจะบอกชัดเจนว่าผมไม่ใช่หมอ และผมไม่ได้ทำให้โรคมะเร็งของคุณดีขึ้นหรือเลวลง แต่ผมให้เขาเห็นปรัชญาชีวิต ในเรื่องของความเสื่อมสูญของชีวิตก่อน ผมจัดทัวร์ด้วยนะครับ ทัวร์ให้กับฝรั่ง ที่ชื่อว่า On dead and dying คือการเตรียมตัวตายอย่างมีสติ ส่วนนี้ผมจะให้เขายอมรับสิ่งหนึ่งก่อน ที่เรียกว่า ความเสื่อมสูญของชีวิต ก็คือ ความตาย ไม่ได้หมายความว่าให้เขาไปฆ่าตัวตาย แต่ให้เขาฆ่าตัวตน หมายถึงว่า ให้เขายอมรับสิ่งสุดท้ายของชีวิตเขาก่อน คือ ความตาย หลังจากนั้นสิ่งอื่นจะเป็นสิ่งที่มหัศจรรย์ ยกตัวอย่าง เรื่องของความกลัวผู้ป่วยมะเร็งส่วนใหญ่มากมายที่เขาจะกลัวตายมาก พยายามจะดิ้นรน พอเป็นปุ๊บก็พยายามเอาหนังสือของคนโน้น หมอคนนี้ แต่ดี ทำไปเรื่อย แต่เขาลืมศึกษาอันหนึ่ง ก็คือว่า เราจะทำอย่างไร กับบั้นปลาย ถ้าเกิดว่าเราตายไปจริงๆ ตรงนี้เป็นสิ่งที่ต้องศึกษาในต่างประเทศ ประเทศไทยมีหลายเล่ม ผมก็อยากจะลองให้ไปอ่านดู เช่น “เหนือห้วงมหรรณพ” และ “ประตูสู่สภาวะใหม่” ซึ่งพระไพศาลท่านก็พูดได้ดีนะครับ ในเรื่องของ How to live and die เราต้องศึกษานะครับ ถ้าเกิดเรารู้จักมันแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งความตายนะครับ ความเครียด ความกังวล สุดท้ายจริงๆ มันจะหายไป พอความเครียดความกังวลหายไปแล้วเราก็จะมีอาการดีขึ้นเป็นลำดับ เนื่องจากเรามีกำลังใจขึ้น และตอนนี้เองผมจะให้เขาเปลี่ยนพฤติกรรม ผมได้สะสมเทศนาของพระอริยะสงฆ์ทุกองค์ในประเทศ เป็นธรรมเทศนาเกี่ยวกับความเสื่อมสูญของชีวิต แล้วก็อัดออกมาในรูปของ MP3 รวมบทฟังได้ยาวถึง 30 ชั่วโมงในแผ่นเดียว ให้กับผู้ป่วยโรคมะเร็งค่อยๆ ฟังที่ละบท ของพระอริยะสงฆ์หลายๆ องค์ อย่างเช่น สมเด็จพระญาณสังวรณ์ฯ หรือพระธรรมปิฎก ให้เรารู้จัก คุ้นเคยก่อน ไปสัมผัสกับมันก่อนว่าความตายคืออะไร ความผ่อนคลายหลังจากนั้น เขาก็จะเริ่มมีอาการศรัทธาในพุทธศาสนามากขึ้น ซึ่งตรงนี้เราจะเรียกว่าเป็น “จิตบำบัดในแนวพุทธศาสน์ Buddism Therapy” นั่นเอง ผมขอฝากไว้เท่านี้ก่อน เรื่องอาหาร อย่างที่ผมบอกนะครับ ต้องมาพร้อมกับจิตใจ ถ้าเราสร้างกำลังใจเราดีเองแล้ว ซึ่งประเทศเราเป็นประเทศพุทธศาสนา เราควรจะเอามาเชื่อมโยงกับอาหาร เราจะกินได้อย่างมีความสุข

พิธีกร : 

ผมนึกถึงพุทธพจน์ของพุทธองค์ ตอนที่มีผู้หญิงคนหนึ่งที่ลูกเสียชีวิตและเศร้ามาก อยากให้พุทธองค์ช่วยให้ฟื้น พุทธองค์ก็มีอุบายให้ลองไปหาว่าบ้านไหนบ้างที่ไม่มีคนเสียชีวิต เอาเม็ดผักกาดมา ถ้าหาได้ก็จะชุบชีวิตให้ ปรากฏว่าผู้หญิงคนนี้ก็วิ่งหาไป ในที่สุดก็ค้นพบว่าไม่มีหรอกที่บ้านไหนไม่มีคนตาย ทำใจได้ ก็สงบได้ กลับมาหาพระพุทธองค์ ตรงจุดนี้ทำให้ผมนึกถึงกลุ่ม คนไข้เอดส์ที่ผมดูแลอยู่ แปลกอย่างหนึ่ง คนที่กลัวตาย กังวลมากๆ มักอาการทรุดเร็ว แต่คนที่ทำใจได้อะไรจะเกิดขึ้นก็เกิดขึ้น ดูไปดูมาอายุกลับยาวขึ้น จนสงสัยว่า สิ่งที่ทำร้ายเขานี่ ความจริงคือเชื้อ HIV หรือความเครียด ความวิตกกังวลในตัวเราแน่ จากที่ฟังคำบรรยายวันนี้ทำให้รู้สึกว่าผู้ป่วยเอดส์และผู้ป่วยมะเร็งไม่เหมือนกัน

คำถาม : 

ผม นพ.ชูเสกข์ จากกองการแพทย์ทางเลือกครับ ขอเรียนถามอาจารย์ไมตรี ที่เราพูดถึงสารแอนติออกซิแดนท์และพูดถึงสารต้านมะเร็ง โดยทั่วไปเราคงคิดถึงแต่ผู้ใหญ่ แล้วเรามีความคิดจะเริ่มที่วัยเด็กไหมครับ จริงๆ แล้วควรหรือไม่ที่จะเริ่มกินตั้งแต่เด็ก หากควร เด็กจะจะมีปัญหาไหมครับ ในเรื่องของการขาดโปรตีนหรือสารอาหารอื่นที่สำคัญ ขอบคุณครับ

ดร.ไมตรี : 

เด็กคงหมายถึงวัยต่ำกว่า 10 ขวบ หรือเด็กที่หลังจากหย่านมแล้ว 1-2 ขวบขึ้นไป เพราะเด็กต้องการสารอาหารสมบูรณ์ คือ โปรตีน คาร์โบรไฮเดรต ไขมัน แร่ธาตุ อย่างสมบูรณ์แน่นอนคงขาดอย่างใดอย่างหนึ่งไม่ได้ แอนติออกซิแดนท์ ไม่ใช่สารอาหาร เป็นสารที่เพิ่มขึ้นมาจากอาหาร ที่กล่าวเมื่อกี้คือ คาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน แร่ธาตุ เป็นสารที่มีอยู่แล้วในอาหารจะเป็นนม ไข่ เป็นอาหารที่เด็กกินได้อยู่แล้วนะครับ สารแอนติออกซิแดนท์มีอยู่ในพืชผักผลไม้ เป็นส่วนใหญ่ ซึ่งเด็กเองก็ควรจะเสริม เขาจะขาดแร่ธาตุ วิตามินไม่ได้ ซึ่งมาจากพืชผักผลไม้ ซึ่งถ้าไม่ทานอาหารเสริม เลย กินน้ำผักน้ำผลไม้ หรืออาหารอ่อนๆ ที่มีผักผลไม้มากๆ สำหรับผู้สูงอายุต้องการมากขึ้น มากกว่าเด็ก เพราะความเสื่อมสภาพของคนเรามีตั้งแต่เกิด โตขึ้นมาเซลของเรามีการเกิด-ดับ เกิด-ดับๆ เป็นวัฏจักร ทีนี้ทำอย่างไรไม่ให้แก่หรือมันเจริญอย่างปกติ คือ ไม่เป็นมะเร็ง โรคเสื่อมสภาพ แก่ก่อนวัย ตายก่อนวัย คือ ใช้แอนติออกซิแดนท์เป็นตัวช่วยเหลืออาหารที่ มีอยู่แล้ว เซลที่มีการแบ่งตัวไวๆ มีอนุมูลอิสระมากขึ้น เพราะว่ามีปฏิกิริยาเมตะโบลิซึมมากขึ้น เพราะอิเลคตรอนที่เกิดขึ้นระหว่างมีเมตะโบลิซึมมีโอกาสมากกว่าเซลที่แบ่งตัวช้าๆ เพราะฉะนั้นการเจริญเติบโตของเซลล์ต้องการแอนติออกซิแดนท์ด้วย ขอเปรียบเทียบนิดหนึ่ง เหมือนกับรถยนต์ที่เราใช้เชื้อเพลิงให้เครื่องทำงาน ขณะเดียวกันก็ต้องมีสารไปชะลอความร้อน ชะลอไม่ให้อุณหภูมิสูงขึ้น เช่น น้ำมันเครื่องระบายความร้อน อย่างเดียวกันครับ แอนติออกซิแดนท์เป็นสารอย่างนั้น ทำให้การทำงานเครื่องยนต์เป็นไปด้วยดี ปกติ ราบรื่น

พิธีกร : 

ขอให้วิทยากรได้ฝากอะไรกับพวกเรา คนละ 1-2 นาทีครับ

คุณแม่ปราณี : 

แม่ขอฝากหนังสือเรื่อง “ปราณีพิชิตมะเร็ง” ที่พระสมณะเขียนให้ ท่านมาสัมภาษณ์ประวัติของแม่เกี่ยวกับเรื่องมะเร็ง การกินอาหารก็อยู่ในนี้หมด เช่น การกินอาหารแมคโครไบโอติกส์

คุณเธียร : 

ขอสรุปว่าการที่จะพ้นจากโรคได้ คือ ต้องเอาพิษออกจากจิต แล้วก็เอาพิษออกจากกาย เมื่อเอาพิษออกไปแล้ว ก็เสริมด้วยอาหาร อย่างที่ ดร.ไมตรี ได้กล่าวไปแล้ว อาหารกายแล้วมันก็มีอาหารใจที่จะสร้างพลังทั้งร่างกายและจิตใจ ชีวิตก็จะเป็นสุขทั้งกายและใจ

คุณภุชงค์ : 

อยากให้ทุกท่านที่มา ณ ที่นี้ ทั้งที่เป็นและไม่เป็นมะเร็ง ช่วยกันลักษณะของการต่อต้าน ลักษณะของ Preventive Medicine คือแนวป้องกัน เนื่องจากคนเราเมื่อเป็นโรคแล้ว ไม่ว่าจะเป็นวิธีไหนมันอาจจะทำให้เราหายหรือดีขึ้น แต่สุขภาพทั้งจิตและกายมันทรุดโทรม เรามีญาติพี่น้อง ขอให้เขา หันมารับประทานอาหารที่ช่วยให้สุขภาพดีกัน เราจะได้มีประชากรที่มีสุขภาพดี

ดร.ไมตรี : 

สไลด์สุดท้ายเกี่ยวข้องกับแอนติออกซิแดนท์ สารจากพืชผักผลไม้ที่มีประโยชน์จริงๆ คือ “สาร Pre-Biotic” สาร Pre-Biotic ท่านคงได้ยินมาบ้าง เป็นสารที่ทำให้เชื้อจุลินทรีย์ Pro-Biotic ที่ดีต่อชีวิตเจริญเติบโต เชื้อ “Pro-Biotic” คืออะไรครับ คือเชื้อพวกที่ทำให้เกิดนมเปรี้ยวแลคโตบาซิลัส ซึ่งมีผลดีต่อชีวิต เราอาจจะกินยาปฏิชีวนะ หรือสารพิษ ไปทำลายเชื้อเหล่านี้ให้น้อยลง ไปในทางเดินอาหารโดยเฉพาะลำไส้ใหญ่ แล้วลำไส้ใหญ่ที่มีสารพิษมากหรือมีการหมักหมมมาก จะมีเชื้อไม่ดีเกิดขึ้น ทำให้เรามีอาการเกี่ยวกับโรคทางเดินอาหาร และทำให้เรามีโอกาสเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้ ทำอย่างไรเป็นการป้องกัน ก็โดย ทำอย่างไรให้เชื้อไม่ดีลดลงไป ต้องเพิ่มเชื้อที่ดี ซึ่งเชื้อที่ดีต้องการอาหารจากพืชและผักผลไม้ การกินพืชผักผลไม้ จะมีสาร Pre-Biotic เป็นสารสำคัญสำหรับเชื้อ Pro-Biotic จะเป็นหัวหอม หน่อไม้ฝรั่ง ข้าวกล้อง รำข้าว ผักผลไม้ทุกอย่าง ยอดผักมี Pre-Biotic ทั้งสิ้น ภาษาทางวิทยาศาสตร์เรียก Pre-Biotic ว่าเป็นพวก Oligosaccarides แป้งนมเด็กที่ทำให้เด็กมีภูมิคุ้มกันดี ก็ยึดหลักเดียวกันครับ คือ Pre-Biotic ช่วย Pro-Biotic ในเด็ก ทำให้เชื้อที่ดีเจริญเติบโตมากขึ้น เชื้อดีนี้ก็ไปทำลายเชื้อไม่ดีหมดไป ก็เป็นการป้องกันโรคมะเร็ง โรคทางเดินอาหาร ลำไส้ใหญ่ รวมทั้งลดไขมัน ทั้งหมดนี้คือเสริมเพิ่มเติมจากแอนติออกซิแดนท์

พิธีกร : 

ต้องบอกว่าวันนี้เสียดายเวลาเรามีน้อยมากๆ เลย อาจารย์เตรียมความรู้มาเยอะมากๆ เลย ตอนนี้อาจารย์ปลดเกษียณแล้วนะครับ อาจารย์เป็นผู้ทรงคุณวุฒิอยู่ที่มหาวิทยาลัยมหาสารคาม แล้วก็ทำงานทางด้านชีวเคมีของอาหารผลิตภัณฑ์ธรรมชาติโดยตรงเลย เพราะฉะนั้นเนี้ยสิ่งที่เราได้ฟังวันนี้เป็นสาระประโยชน์ทั้งนั้นเลยนะครับ สุดท้ายนี้คงไม่ต้องสรุปอะไร แต่ที่แน่ๆ ก็คือว่าเราคงมีความหวังขึ้นว่า ทุกอย่างมันไม่ใช่เรื่องยากเกินไปแล้วก็เป็นไปไม่ได้นะครับ วันนี้เราเห็นตัวอย่างของผู้ป่วยหลายๆ คน ที่ประสบผลสำเร็จในชีวิตแล้วเราก็สามารถที่จะทำเป็นหนึ่งในนั้นได้นะครับ
สุดท้ายนี้ขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่านนะครับ ทั้งคุณแม่ปราณี คุณเธียร และพวกเราทุกคนด้วย ขอช่วยตบมือให้ผู้ป่วยทุกท่าน และวิทยากรด้วยครับ ขอบคุณครับ

สร้างเมื่อ 02 – มิ.ย.- 48

 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
เอกสารประกอบการประชุม เรื่อง “ผักพื้นบ้านไทยกับการดูแลสุขภาพผู้เป็นมะเร็ง”

 

โมบายแอปพลิเคชัน

 

กรมการแพทย์แผนไทยฯ


สามารถติดต่อเราผ่าน Line

 

ได้แล้ววันนี้

ติดตาม กองการแพทย์ทางเลือก

ผ่านทางโซเชียลมีเดีย​ได้ที่

       


กองการแพทย์ทางเลือก
กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก
อาคาร 2 ชั้น 6 และชั้น 7 กระทรวงสาธารณสุข
ถนนติวานนท์ อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
โทรศัพท์ : 02 591 7007 ต่อ 2607
โทรสาร : 02 149 5637
อีเมล์ : Thaicam2019@gmail.com

5918489
This Month : 18876
Total Users : 1528002
Views Today : 4758
Server Time : 2024-09-19