โดย : นางสาวสายใหม ตุ้มวิจิตร
คณะวิทยาศาสตร์สุขภาพและพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยคริสเตียน
หลักการและเหตุผล
ความเหนื่อยล้า (Fatigue) เป็นอาการหลักที่เกิดขึ้นได้บ่อยที่สุดในผู้ป่วยมะเร็ง (Aistars, 1987; Schwartz, 2000; Gregory, 2001; Jong et al., 2002: 283) ทำให้ผู้ป่วยทุกข์ทรมานได้มากกว่าอาการอื่นๆ ในผู้ป่วยมะเร็งเต้านมที่ได้รับการรักษาด้วยเคมีบำบัดพบว่าเกิดความเหนื่อยล้าได้สูงถึงร้อยละ 69 – 100(Richardson & Ream, 1997: Ream et al., 2002: 301) และร้อยละ 60 เป็นความเหนื่อยล้าในระดับปานกลางถึงระดับรุนแรง (Bower et al., 2000: 743) ซึ่งทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทั้งด้านร่างกาย จิตใจ สติปัญญา/อารมณ์ และพฤติกรรม (Piper et al., 1987:19) และจะส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยในที่สุด (Aaronson et al., 1999: 45)
การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยกึ่งทดลอง มีวัตถุประสงค์เพื่อเปรียบเทียบผลของโปรแกรมการจัดการกับอาการร่วมกับการนวดด้วยน้ำมันหอมระเหยต่อความเหนื่อยล้าในผู้ป่วยมะเร็งเต้านมหลังการผ่าตัดที่ได้รับเคมีบำบัด กลุ่มตัวอย่างคือผู้ป่วยมะเร็งเต้านมหลังการผ่าตัดที่ได้รับเคมีบำบัด เพศหญิง ที่เข้ารับการรักษาที่สถาบันมะเร็งเเห่งชาติจำนวน 40 ราย ทำการเก็บรวบรวมข้อมูลในกลุ่มควบคุม จนครบ 20 รายแล้วจึงเก็บรวบรวมข้อมูลในกลุ่มทดลองอีก 20 ราย โดยคำนึงถึงความคล้ายคลึงกันในเรื่องของอายุที่แตกต่างกันไม่เกิน 5 ปีและได้รับเคมีบำบัดสูตรเดียวกัน กลุ่มควบคุมได้รับการพยาบาลตามปกติ กลุ่มทดลองได้รับโปรแกรมการจัดการกับอาการร่วมกับการนวดด้วยน้ำมันหอมระเหยและการพยาบาลตามปกติ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยคือโปรแกรมการจัดการกับอาการร่วมกับการนวดด้วยน้ำมันหอมระเหยที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้นจากแบบจำลองการจัดการกับอาการของ Dodd et al. (2001) และแนวคิดเกี่ยวกับการนวดด้วยน้ำมันหอมระเหยซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการพยาบาลแบบผสมผสานโปรแกรมประกอบด้วย 4 ขั้นตอนคือ 1)การประเมินความต้องการและประสบการณ์การรับรู้ของผู้ป่วย 2) การให้ความรู้ 3) การนวดด้วยน้ำมันหอมระเหยกลิ่นลาเวนเดอร์ 4) การประเมินผล โดยมีแผนการสอนและคู่มือการดูแลตนเองเพื่อบรรเทาความเหนื่อยล้าสำหรับผู้ป่วยมะเร็งเต้านมเป็นสื่อที่ใช้ในโปรแกรม โปรแกรมและสื่อผ่านการตรวจสอบความตรงตามเนื้อหาจากผู้ทรงคุณวุฒิจำนวน 5 ท่าน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลได้แก่ แบบประเมินความเหนื่อยล้า วิเคราะห์หาความเที่ยงของเครื่องมือโดยหาค่าสัมประสิทธิอัลฟาของครอนบาคได้ค่าความเที่ยงเท่ากับ .96 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ สถิติบรรยาย และสถิติทดสอบทีผลการวิจัย
พบว่าคะแนนความเหนื่อยล้าภายหลังเข้าร่วมการทดลองของกลุ่มทดลองน้อยกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ( Xกลุ่มทดลอง = 45.95 ; X กลุ่มควบคุม = 125.10 ; t-test = 8.88; p< .05) เนื่องจากโปรแกรมดังกล่าวเป็นกิจกรรมการพยาบาลที่เน้นการจัดการกับความเหนื่อยล้าจากสาเหตุและอาการที่เกิดขึ้นพร้อมกันโดยเน้นผู้ป่วยเป็นศูนย์กลางและเกิดจากความร่วมมือกันระหว่างผู้ป่วยและพยาบาล พยาบาลมีบทบาทในการส่งเสริมให้ผู้ป่วยจัดการกับความเหนื่อยล้าที่เกิดขึ้นด้วยตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพและช่วยจัดการกับความเหนื่อยล้าที่รุนแรงและไม่สามารถบรรเทาได้ด้วยตนเองด้วยวิธีการนวดด้วยน้ำมันหอมระเหย ซึ่งเป็นการบำบัดด้วยกลิ่นหอมโดยส่งผ่านการนวด ผู้ป่วยได้รับโมเลกุลของน้ำมันหอมระเหยได้ 2 ทางคือจากการสูดดมและการซึมผ่านเข้าทางผิวหนังในขณะนวดซึ่งมีผลโดยตรงต่อระบบประสาทและระบบกล้ามเนื้อช่วยในการขจัดกรดแลคติกและของเสียจากการทำลายเซลล์มะเร็ง กล้ามเนื้อคลายความตึงตัว จึงมีแรงในการหดรัดตัวมากขึ้น ความเหนื่อยล้าจึงลดลง ขณะเดียวกันโมเลกุลของน้ำมันหอมระเหยลาเวนเดอร์จะถูกแปรเป็นสัญญาณไฟฟ้าเคมีไปยังสมองส่วนลิมบิค(Limbic system)ให้หลั่งสาร Endorphin, Encephalin และ Serotonin ออกมาจึงสามารถบำบัดอาการต่างๆเช่น ความวิตกกังวล ความซึมเศร้า ความเครียด หรือความเจ็บปวดและความเหนื่อยล้าได้ ( Voltaire, 2000:157, Stevensen, 2001:133)ข้อเสนอแนะ

1. ควรสนับสนุนและเผยแพร่ให้เจ้าหน้าที่พยาบาลตระหนักถึงความสำคัญและผลดีที่ผู้ป่วยจะได้รับจากการนำโปรแกรมการจัดการกับอาการและการนวดด้วยน้ำมันหอมระเหยมาใช้เป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมการพยาบาล หรือสนับสนุนให้มีการฝึกทักษะการนวดด้วยน้ำมันหอมระเหยให้แก่เจ้าหน้าที่พยาบาลเพื่อนำไปใช้ในการบรรเทาความเหนื่อยล้าให้กับผู้ป่วยขณะอยู่ในโรงพยาบาล และนำทักษะเหล่านี้ไปเผยแพร่ให้ญาติหรือผู้ดูแลนำไปใช้ในการบรรเทาความเหนื่อยล้าของผู้ป่วยขณะอยู่ที่บ้านได้อย่างถูกต้องและปลอดภัย ซึ่งนอกจากจะช่วยในการบรรเทาความเหนื่อยล้าได้แล้วยังเป็นการส่งเสริมให้เกิดผลดีด้านจิตใจต่อตัวผู้ป่วยได้อีกด้วย ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้นได้2. ควรศึกษาติดตามความเหนื่อยล้าของผู้ป่วยมะเร็งเต้านมหลังการผ่าตัดที่ได้รับเคมีบำบัดภายหลังได้รับโปรแกรมการจัดการกับอาการร่วมกับการนวดด้วยน้ำมันหอมระเหยในระยะ 1 เดือน 3 เดือน หรืออีก 6 เดือนต่อมา3. ควรมีการศึกษาในลักษณะของการขยายองค์ความรู้ของผลของโปรแกรมการจัดการกับอาการร่วมกับการนวดด้วยน้ำมันหอมระเหยเพื่อใช้ในการบำบัดรักษาในกลุ่มอาการอื่นๆ เช่น อาการปวด ความเครียด ความวิตกกังวล หรืออาการนอนไม่หลับในผู้ป่วยมะเร็งเต้านม ผู้ป่วยมะเร็งชนิดอื่นๆ ในผู้ป่วยโรคอื่นๆ หรือในผู้ป่วยวัยอื่นๆเช่นวัยผู้สูงอายุเป็นต้น


 

สร้างเมื่อ 15 – พ.ค.- 49

 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
สไลด์ประกอบการนำเสนอผลงานวิชาการ (pdf)
บทคัดย่องานวิจัย (pdf)

โมบายแอปพลิเคชัน

 

กรมการแพทย์แผนไทยฯ


สามารถติดต่อเราผ่าน Line

 

ได้แล้ววันนี้

ติดตาม กองการแพทย์ทางเลือก

ผ่านทางโซเชียลมีเดีย​ได้ที่

       


กองการแพทย์ทางเลือก
กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก
อาคาร 2 ชั้น 6 และชั้น 7 กระทรวงสาธารณสุข
ถนนติวานนท์ อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
โทรศัพท์ : 02 591 7007 ต่อ 2607
โทรสาร : 02 149 5637
อีเมล์ : Thaicam2019@gmail.com

5920149
This Month : 20536
Total Users : 1529662
Views Today : 6443
Server Time : 2024-09-20