โดย : พันตำรวจโทหญิงจันทร์จรัส จันทร์จารุพงศ์ โรงพยาบาลตำรวจ |
หลักการและเหตุผล |
การเจ็บป่วยจากมะเร็งเต้านมและการรักษาโดยเคมีบำบัด ผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยเป็นอย่างมาก ก่อให้เกิดผลกระทบต่อองค์ประกอบด้านต่างๆ ตามโครงสร้างของคุณภาพชีวิต ทั้งทางด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์ จิตวิญญาณ สังคมและสิ่งแวดล้อม หรือความเป็น “ องค์รวม “ ของผู้ป่วย ทำให้ผู้ป่วยมะเร็งเต้านมมีพฤติกรรมใน
การแสวงหาวิธีการดูแลรักษาตนเอง เพื่อที่จะเยียวยารักษาตนเองให้หายจากโรค โดยมีแนวโน้มที่จะหันไปพึ่งความช่วยเหลือของการแพทย์ทางเลือกเสริมร่วมกับการแพทย์แผนปัจจุบัน วิธีการดูแลรักษาจึงเป็นไปในรูปแบบของการผสมผสานการแพทย์ระบบต่างๆเพื่อเสริมหรือชดเชยส่วนที่ระบบการแพทย์อื่นขาดไปหรือไม่สมบูรณ์ โดยเฉพาะการแพทย์ทางเลือกซึ่งเป็นวิธีการรักษาแบบองค์รวมให้ความสำคัญกับการพัฒนาทั้งทางด้านร่างกาย จิตใจ จิตวิญญาณและปัจจัยที่สัมพันธ์กับตัวมนุษย์ มีหลักการว่าทุกส่วนของร่างกายล้วนสัมพันธ์เชื่อมโยงกัน ถือว่าสุขภาพจะดีได้ต่อเมื่อมีภาวะสมดุลในร่างกาย และระหว่างร่างกายกับจิตใจ ซึ่งในการรักษาผู้ป่วยมะเร็งเต้านมที่ได้รับเคมีบำบัด พบว่ามีวิธีการแพทย์ทางเลือกมากมายที่ผู้ป่วยจะนำมาประยุกต์ใช้ในการดูแลตนเองเพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการให้ครบทุกด้าน การแพทย์ทางเลือกมีอยู่กว่า 100 วิธี เช่น การทำสมาธิ การนวด การกดจุด การฝังเข็ม สมุนไพรบำบัด ธรรมชาติบำบัด โยคะ การฝึกการผ่อนคลาย และวิธีการออกกำลังกายในรูปแบบต่างๆ ซึ่งกิจกรรมดังกล่าวจะทำให้ผู้ป่วยมะเร็งเต้านมสามารถดูแลตนเองได้อย่างเป็นองค์รวม ผู้วิจัยจึงสนใจที่จะศึกษาวิธีการส่งเสริมการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมแก่ผู้ป่วยมะเร็งเต้านมที่ได้รับเคมีบำบัด เพื่อเป็นทางเลือกที่ถูกต้องและเหมาะสมในการที่จะดูแลสุขภาพของตนเอง เพื่อการมีคุณภาพชีวิตที่ดี เพื่อศึกษาผลของโปรแกรมการส่งเสริมการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยมะเร็งเต้านมที่ได้รับเคมีบำบัด ผู้ป่วยมะเร็งเต้านมที่ได้รับเคมีบำบัด หลังได้รับโปรแกรมการส่งเสริมการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม มีความผาสุกด้านร่างกาย ด้านสังคม / ครอบครัว ด้านอารมณ์จิตใจและด้านการปฏิบัติกิจกรรมดีกว่าก่อนทดลอง การศึกษาวิจัยแบบกึ่งทดลอง (Quasi – experimental research) มีจุดมุ่งหมายเพื่อศึกษาผลของการส่งเสริมการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมต่อคุณภาพชีวิตผู้ป่วยมะเร็งเต้านมที่ได้รับเคมีบำบัด เครื่องมือที่ใช้ในการรวบรวมข้อมูลเป็นแบบสอบถามวัดคุณภาพชีวิต Functional Assessment of Cancer Therapy (FACT) แบ่งเป็น 4 ด้าน คือ ความผาสุกด้านร่างกาย ความผาสุกด้านครอบครัวและสังคม ความผาสุกด้านอารมณ์ และความผาสุกด้านการปฏิบัติกิจกรรม การเก็บรวบรวมข้อมูลกระทำ 2 ครั้ง คือ ก่อนการทดลองและหลังการทดลอง ทั้งกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม และทำการวิเคราะห์ข้อมูลด้วยค่าร้อยละ ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าเฉลี่ย ค่าสถิติ Wilcoxon signed – ranks test และค่าสถิติที (t – test independent) ผลการศึกษาพบว่า ภายหลังการได้รับโปรแกรมการส่งเสริมการดูแลสุขภาพแบบ องค์รวม กลุ่มทดลองมีคุณภาพชีวิตทั้งทางด้านร่างกาย ด้านสังคม/ครอบครัว ด้านอารมณ์/จิตใจ และด้านการปฏิบัติกิจกรรม ดีกว่าก่อนการทดลอง และดีกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ควรทำการศึกษาวิจัยผลของโปรแกรมการส่งเสริมการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม ในผู้ป่วยที่มีการเจ็บป่วยเรื้อรังอื่น เช่นผู้ป่วยโรคเอดส์ โรคเบาหวาน โรคไต หรือผู้ป่วยฉุกเฉินแต่มีระยะการรักษานานพอสมควร เช่นผู้ป่วยอุบัติเหตุที่นอนพักในโรงพยาบาลเป็นเวลานาน
สร้างเมื่อ 16 – พ.ค.- 49 |
|
เอกสารที่เกี่ยวข้อง สไลด์ประกอบการนำเสนอผลงานวิชาการ (pdf) บทคัดย่องานวิจัย (pdf) |
ได้แล้ววันนี้