โดย : นายแพทย์ชินโอสถ หัศบำเรอ
อดีตรองปลัดกระทรวงสาธารณสุข
ผมเขียนหนังสือไว้ “พลังจิตกับสมองคอมพิวเตอร์” อยู่ในนี้ทั้งนั้น โลกทิพย์ฯ เขาจัดพิมพ์พระพุทธเจ้าท่านสอนไว้ว่า “สอนธรรมะให้ชาวนาต้องพูดภาษาชาวนา สอนธรรมะให้พระเจ้าแผ่นดินต้องพูดภาษาพระเจ้าแผ่นดิน” ผมก็เลยนึกว่าจะสอนธรรมะให้คนยุคคอมพิวเตอร์ต้องพูดภาษาคอมพิวเตอร์ ความจริงเป็น
หนังสือธรรมะ มีพลังจิตรักษาโรคอยู่ในนี้หมดเลย ถ้าหากว่าอยากจะได้รายละเอียดต้องไปซื้อเล่มนี้เอา อยากจะพูดสรุปง่ายๆ เสริมเติมจากพระอาจารย์สิงห์ทน และก็เติมอะไรที่เกี่ยวกับประสบการณ์ส่วนตัวบ้าง อย่างคำว่า “พลังจิต” ผมอยากให้พวกเราทราบและเข้าใจว่า พระพุทธเจ้าเรียกว่า “พละ 5” ท่านบอกว่ามี 5 อย่าง คือ พลังศรัทธา พลังที่ 1 ความเชื่อถือ ศรัทธาพละ คือ ความยอมรับ พลังที่ 2 เรียกว่า พลังความเพียร พลังที่ 3 เรียกว่า พลังสติ พลังที่ 4 เรียกว่า พลังสมาธิ” พลังที่ 5 คือ พลังปัญญา พลังจิตที่มีประโยชน์สามารถรักษาโรคได้ มีทั้ง 5 ตัวอย่าง “ศรัทธา” “วิริยะ” “สติ” “สมาธิ” “ปัญญา” และพลังศรัทธาเป็นพลังที่สำคัญมาก เช่น จะว่ายน้ำเป็นต้องมีพลังศรัทธา เชื่อมั่นว่าการว่ายน้ำเป็นมีประโยชน์ มีสติว่าอยู่ในน้ำ พลังสมาธิคือนึกถึงสิ่งเดียว เกิดปัญญาว่าต้องว่ายอย่างนี้ กระพุ้งน้ำอย่างนี้ การขับรถและการทำอาหารก็เหมือนกัน
ในวงการแพทย์เรารู้จักดีว่า ถ้าแพทย์อย่างผมวินิจฉัยโรคผิด บอกว่าคนไข้ป่วยเป็นนั่นเป็นนี่ ทั้งๆ ที่คนไข้ไม่ได้เป็น คนไข้เป็นเลยครับ ป่วยเป็นโรคนั้นตามที่หมอบอกว่าเป็น วงการแพทย์ก็เอายามาทดลองกับคนไข้ 2 กลุ่ม กลุ่มหนึ่งให้กินยาจริง อีกกลุ่มให้กินยาปลอม กลุ่มที่กินยาปลอมไม่น่าจะหายเลย แต่ก็หายครับ เป็นพลังศรัทธา เชื่อหมอ บอกว่าหายก็หาย แต่ไม่ 100% นะครับ ประมาณ 20% คือ 100 คน หาย 20 คน และเมื่อเร็วๆ นี้ ที่เราเรียกว่า “V1 อิมมูเนเตอร์” ที่ทำยาขึ้นไปแจกคนเป็นโรคเอดส์ มูลนิธิสล้าง บุนนาค ไปแจกกันใหญ่ ยังไม่ได้ทดลองในสัตว์ ในคน แต่ว่าผู้ที่คิดขึ้นมา ทำจากสมุนไพรก็เชื่อมั่นว่ามันจะต้องหาย ก็ไปแจกคนเป็นโรคเอดส์ หายตั้ง 20% หายจริงๆ ครับ เพราะเขาเชื่อ นี่มันเป็น “Placebo Effect” (ยาปลอมสัมฤทธิ์ผล) มันหายจริงๆ เป็นยารักษาโรคเอดส์ที่หายได้ในประเทศไทยเป็นแห่งแรกของโลก จากพลังศรัทธาความเชื่อมั่นของตัวเขาเอง กระทรวงสาธารณสุขเอาไปทดลองกับคนไข้ที่โรงพยาบาลบำราศนราดูร ไม่หาย เนื่องจากไม่เชื่อ ไม่ได้มีศรัทธา ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร มีตัวอย่างอีก อย่างภาษาแพทย์เรียกว่า Nocebo เวลาแพทย์วินิจฉัยโรคผิด อย่าง Placebo เมื่อกี้นี้แพทย์วินิจฉัยผิด บอกว่าเป็นไอ้นั่นเป็นไอ้นี่เป็นจริงๆ ทั้งๆ ที่ไม่ได้เป็นโรคนั้น รู้สึกมีอาการอย่างนั้นอย่างนี้เพียบเลย อย่างที่แพทย์บอก เรียกว่า “Nocebo Effect”และก็มีโปรแกรมมิ่งที่เรียกว่า “Pavlovian Programming” เป็นโปรแกรมจิต นี่เป็นเรื่องที่มีการทดลองที่รัสเซีย Pavlop เขาเป็นนักทดลองในสัตว์ เขาให้สุนัขกินผงเนื้อ แล้วกดกริ่งด้วย ทำซ้ำๆ หลายๆ ครั้ง ตอนหลังไม่ต้องให้ผงเนื้อ กดกริ่งอย่างเดียวน้ำลายไหลครับ นี่แหละครับเป็นไปได้ พวกเราก็มีโปรแกรมอย่างนี้ เรียกว่า “โปรแกรมจิต” มันเข้าไปในสัญญา พระพุทธเจ้าเรียก “ความจำหมายของจิต” จำเสียงกริ่ง จำรสผงเนื้อได้ พอกดกริ่ง น้ำลาย น้ำย่อยออก ในคนพวกเราก็มีทุกคน ทำเดี๋ยวนี้เลยครับ หลับตา นึกถึงว่ามีมะนาวชิ้นหนึ่งอยู่ในปาก เปรี้ยวจี๊ด… นึกครับ ทำครับ ผมก็ทำด้วยครับ ผมเกิดแล้วครับ มีใครเกิดบ้างครับยกมือครับ เกิดอะไรครับ น้ำลายไหลเหมือนกดกริ่งเลย ในคนก็มีโปรแกรม เพราะอะไรครับ เรากินมะนาวครั้งแรก มันเปรี้ยว มันเป็นกรด จิตสั่งสมองให้มีน้ำลายมาเจือจางกรดลง ทำให้เจือจางลงมันทำให้ทนได้ มันก็จำไว้เป็นโปรแกรม เคยทดลองถามในที่ประชุมหนึ่ง มีฝรั่งคนหนึ่งพูดไทยได้ ยกมือ ผมไม่เกิดครับ ทำไมหรือ ผมไม่เคยกินมะนาวครับ ใช่ซิ…คนที่ไม่เคยกินมะนาวมันไม่เกิดโปรแกรมจิตโปรแกรมจิตอย่างนี้มันมีและทำให้เกิดโรค ซึ่งต้องรักษาด้วยพลังจิตใจ มีสตรีรายหนึ่ง แพทย์วินิจฉัยว่าเป็น “Chronic Patois Syndrome” อ่อนเพลียเรื้อรัง ไม่ทราบสาเหตุ เป็นหลายปี รักษากับหมอหลายคนแล้วยังไม่หาย มาถึงผมให้การแปลกมากว่า วันไหนกินอาหารมื้อเย็นมันจะอ่อนเพลียเรื้อรังหลังอาหารมื้อเย็นเสมอ มื้อเช้าก็ไม่เป็น มื้อกลางวันก็ไม่เป็น มาเป็นมื้อเย็น แกบอกว่าแปลกมาก วันไหนถือศีล 8 ไม่กินมื้อเย็นไม่เป็นไร ก็ได้ความว่าเมื่อ 4-5 ปีก่อน ขณะที่กินอาหาร มื้อเย็นอยู่ปรากฎว่ามีโทรศัพท์มาแจ้งข่าวว่าลูกชายถูกรถยนต์ชนตาย มันเป็นโปรแกรมเหมือนสุนัขกดกริ่ง ทีนี้มันไปผสมรวมกับอาหารมื้อเย็น ข่าวจากโทรศัพท์ เรื่องลูกชายตายไปรวมกับอาหารมื้อเย็น กินมื้อเย็นทีไรอ่อนเปลี้ยเพลียแรงทุกที สะเทือนขวัญเหตุการณ์ร้ายแรง นี่แหละครับแพทย์แผนปัจจุบันที่เป็นแพทย์อย่างผมรักษาโรคนี้ไม่หายครับ ต้องมาแพทย์ทางเลือกนี่ ต้องไปใช้สั่งจิต ทำจิตใจเสียใหม่ ใช้โปรแกรมจิตบำบัด
เลียนแบบอย่างแสดงชี้นำ นี่เป็นตัวอย่างที่ดีมาก ผู้ชายคนหนึ่งอายุ 30 ปีกว่าแล้ว เวลาเครียด เวลากลุ้มอกกลุ้มใจจะคันในหู ต้องเอาไม้มายอนหูทั้ง 2 ข้าง ซักไปซักมา ไปหาแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญ ปาก คอ หู จมูก หลายคนแล้วครับ เขาบอกไม่เป็นอะไร แต่ก็ยังคันอยู่อย่างนั้นเวลาเครียด โรคอย่างนี้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญแผนปัจจุบันรักษาไม่ได้ เพราะแกรักแม่มาก แม่เป็นโรคคันในหู แกรักแม่มากเวลาเครียดขึ้นมาก็คิดถึงแม่ก็เลยต้องคันในหูเหมือนแม่
เชื่อถ้อยคำชี้แนะชัด ก็อย่างเช่นว่า เมื่อกี้ที่แพทย์วินิจฉัยโรคผิด ว่าเป็นโรคนั้นโรคนี้ เราก็เป็นตาม มีตัวอย่างเยอะแยะ และบางทีเป็นสภาพจิตก็มี อย่างเช่น พวกกลัวที่สูง ขึ้นที่สูงไม่ได้เพราะว่าเมื่อก่อนตอนเด็กๆ ไปขึ้นต้นไม้สูงๆ พ่อเรียกลงมาเฆี่ยนตี อย่าขึ้นนะลูกเดี๋ยวมันจะตก เลยกลัวที่สูง และบางคนเชื่อถ้อยคำพ่อแม่บอกว่า อวัยวะเพศสกปรก อายุ 4-5 ขวบ เล่นอวัยวะเพศ พ่อแม่ตี อย่าไปเล่นมันสกปรก ตีหลายๆ ครั้งเข้ามันเป็นโปรแกรมครับ พอโตขึ้นมามือไปถูเป้ากางเกงต้องไปล้างมือ บางทีต้องล้างมือวันละ 3-4 ครั้ง ถูกปั๊บต้องไปล้าง ถูกโปรแกรมไว้ว่าสกปรก เชื่อถ้อยคำชี้แนะชัด นี่เกิดจากสิ่งภายนอก พ่อแม่หรือคนอื่นมาชักนำให้เกิด ที่เกิดขึ้นเองภายใน
คิดขัดแย้งเก็บกดไว้ มีสุภาพสตรีอีกราย แพทย์วินิจฉัยว่าเป็นรูมาตอยด์ คือโรคไขข้ออักเสบ แต่แกทำท่าทำมืออย่างนี้ครับ ทำท่าเกร็งเหมือนกับจะบีบคอคนได้ความว่าเมื่อตอนสาวๆ รับจ้างทำงานบ้านแล้วก็มีนายจ้างปากมาก ทำอะไรไม่ถูกใจก็ด่าว่า แกก็โกรธเกลียด และเก็บความเกลียดโกรธไว้ เวลานายด่าทีไร ก็ไปเข้าห้องน้ำทำท่าบีบคอยายคนนี้ ทำอย่างนี้ ทำซ้ำๆๆๆ ก็เป็นโปรแกรม เวลาโกรธอะไรใครเวลาทำงานบ้าน ภายหลังที่อายุมาก อายุ 58-59 ปี ไปทำงานบ้านของตัวเอง ไม่ได้จ้างคน ก็เกิดอาการนี้ขึ้น มันไปเชื่อมโยงกับการทำงานบ้าน โรคนี้มันโปรแกรมเอาไว้ด้วยกัน
คิดไม่ดีสั่งถึงกาย ยกตัวอย่าง ผู้ชายคนนี้เป็นโรคปวดหัว ไปรักษาหลายแห่งแล้ว หมอบอกว่าไม่เป็นอะไร แกปวดหัวอยู่เรื่อย แกมานั่งคอยหน้าคลีนิค
“ผมคอยอาจารย์อยู่ข้างนอก…ปวดหัว พอเข้ามาเห็นหน้าอาจารย์ก็ปวดหัวอีก พออาจารย์อ้าปากถามก็ปวดหัวอีก ไม่รู้อาจารย์ถามอะไร”
บอกว่า…นี่คุณพูดคำว่าปวดหัวตลอดเวลาเลยหรือ
“ใช่ครับ ผมพูดคำว่าปวดหัวตลอดเวลาครับ วันไหนตื่นสาย ก็ปวดหัวจริงโว้ย…ตื่นสาย รองเท้าไปไหนๆ …ปวดหัวจริงโว้ย แล้วถุงเท้าอยู่ไหนอีกเล่า ปวดหัวจริงว่ะ พอขึ้นรถไปรถมันติดโว้ย…ปวดหัวว่ะ พอไปถึงที่ทำงาน ลูกน้องเอางานมาเสนอ คุณทำผมปวดหัวอีกแล้ว”
นี่คุณพูดคำว่าปวดหัวอยู่ตลอด
“ใช่ครับ”
นี่คือสมองคอมพิวเตอร์ จิตมันสั่งให้ปวดหัว สั่งคำว่าปวดหัวๆ คิดไม่ดีมันสั่งถึงกาย แพทย์ที่ไหนก็รักษาไม่ได้ ต้องแพทย์ทางเลือก ก็สั่งห้ามไม่ให้พูดคำว่าปวดหัว ก็หายเลยครับ คิดให้ร้ายลงโทษตน สุภาพสตรีรายนี้ท้อง 5-6 เดือน แกก้มลงมองท้องตลอดเวลา เงยก็ไม่ได้ ไปหาแพทย์รักษาให้ไม่ได้ ต้องก้มอย่างนี้ ก้มไปดูทำไม แกบอกว่า “กลัวมันแท้งค่ะ” เพราะว่าจริงแล้วตอนเป็นเด็กสาว ไปมีเพศสัมพันธ์กับเพื่อนชายแล้วท้อง แล้วไปแอบทำแท้ง พอมีสามีจริงๆ แล้วท้องขึ้นมา นึกลงโทษตัวเองว่ามันจะแท้งหรือเปล่า มันเกิดเป็นโปรแกรมขึ้น
คิดกังวล หลีกหนีไกล นักธุรกิจยุคไอเอ็มเอฟ แกรับโทรศัพท์ไม่ได้ ผมให้คนข้างนอกโทรศัพท์เข้ามา “เอ้า…คุณรับให้ดูหน่อย” แกก็รับขึ้นมาแล้วก็พูดไม่ออก ก็ได้ความว่า“อาจารย์ครับ โทรศัพท์ที่มาหาผมนี่มาทวงหนี้ผมตลอดเวลาเลยครับ ผมเลยไม่รับ” มันเป็นโปรแกรมให้เป็นโรค พระภิกษุสงฆ์ที่เป็นที่รู้จักองค์หนึ่งไปโรงพยาบาลมา 4 แห่ง พูดไม่ได้ แสดงธรรมไม่ได้ ได้ความว่าท่านถูกโจมตีว่าแสดงธรรมผิด ทางสายธรรมกาย ท่านเลยไม่กล้าแสดงธรรม วิธีไม่แสดงธรรมก็คือ พูดไม่ออก เสียงแหบ ท่านไปโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ผมตามไปเยี่ยมท่าน ถามกับพวกแพทย์ว่า “ท่านเป็นอะไร?” แพทย์ก็ตอบว่า “ตรวจไม่พบอะไรครับ” ท่านไม่ได้เป็นอะไร เสียงแหบเอง เพราะท่านไม่อยากแสดงธรรม ถูกด่าว่าโจมตีว่าแสดงธรรมผิ
คิดไร้รัก ใฝ่หารัก แปดอย่างที่ผมพบนี่ ยังมีอย่างอื่นอีกหรือเปล่าผมไม่ทราบ เท่าที่ผมพบ ผมทำแค่นี้เอง ผมไม่ได้เป็นแพทย์ประจำอยู่ที่ไหน เจอคนไข้ก็เอามาวินิจฉัยว่ากันไป หามกันมาตัวแข็งเลยครับ สตรีรายนี้อายุมากแล้ว 50 กว่าแล้ว ไปหาแพทย์มาหลายที่แล้ว บอกไม่เป็นอะไร หลังไม่เป็นอะไร เอ็กซเรย์แล้ว พอสอบถามได้ความว่า สงสัยเป็นโปรแกรมจิต ปรากฏว่ามีเรื่องกับสามี สามีเป็นคนมีเซ็กซ์จัดมาก ต้องนอนร่วมกันทุกคืนเลย บางคืน 2-3 ครั้ง ทีนี้สามีต้องไปทำธุรกิจต่างจังหวัด ก็เลยบอกกับเมียว่าขอมีเมียน้อยสักคน เพราะว่าไม่อย่างนั้นมันทนไม่ได้ มันต้องการมาก จะไปเที่ยวโสเภณีเดี๋ยวติดโรคเอดส์ แม่บ้านก็ยอมให้สามีมีเมียน้อยไว้คนหนึ่งที่ต่างจังหวัด ทีแรกก็ดีกลับบ้านตามปกติ ไปเดือน 2 เดือนก็กลับ ตอนหลังอยู่กับเมียน้อยนานถึง 6 เดือน แกก็เลยป่วยซะเลย ผัวจะได้กลับมาอยู่ด้วย ผัวต้องหามอุ้มมาด้วย ไปอยู่กับเมียน้อยไม่ได้ ก็เลยบอกให้ตกลงกันซะว่าจะอยู่บ้านโน้นเท่าไหร่ อยู่บ้านนี้เท่าไหร่ จะได้ไม่ป่วย ตกลงกันได้ก็หายโรคจากโปรแกรมจิต
พลังสมาธิเป็นตัวที่รักษาโรคได้ดี เพราะเหตุว่า สมาธิมีประโยชน์ หลวงพ่อท่านพูดไว้แล้ว สมาธิถ้าฝึกให้ถึงปฐมฌาน จะมีเอ็นโดฟีนเกิดขึ้น “เอ็นโดฟีน” ก็คือสารที่มีลักษณะเหมือนมอร์ฟีน ทำให้เกิดปิติและสุข มีข้อที่สำคัญคือว่า ปิติสุขนี้ใช้รักษาและระงับ ประโยชน์ของสมาธิ พระพุทธเจ้าบอกว่ามี 4 อย่าง เพื่ออยู่เป็นสุขในปัจจุบัน1. ดับทุกข์คือ มันดับทุกข์ได้ทันที
2. เพื่อได้ซึ่งฌานทัศนะ การผุดรู้ผุดเห็นเป็นพิเศษขึ้นมา
3. เพื่อสติสัมปชัญญะ ก็มีการควบคุมอารมณ์ได้ดี
4. ทำให้สิ้นอาสวะกิเลส คือ ความโลภ โกรธ หลง
ประโยชน์ของสมาธิ 4 อย่าง ที่พระพุทธเจ้าสอนไว้ ซึ่งเป็นความจริงครับ ระงับดับทุกข์ได้ เนื่องจากมีเอ็นโดฟีนเกิดขึ้นมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าได้ปฐมฌาน ปฐมฌานทำให้เกิดเอ็นโดฟีน ผมเองเคยใช้รักษาโรคของตัวเอง 2 ครั้ง
ครั้งที่ 1 ตอนที่ผมจบแพทย์ใหม่ๆ ไปอยู่ที่บางกระทุ่ม ปวดท้องข้างซ้าย ก็ไปโรงพยาบาลพุทธชินราช ตรวจเช็คว่ามีนิ่วในท่อไตข้างซ้าย จะผ่าตัด ผมไม่ยอมผ่าตัด ผมกลับบ้านอยู่ที่บางกระทุ่ม เข้าสมาธิเพ่งจิตทุกคืน บอกว่าจงหลุดออกมาๆ กินน้ำมากๆ แล้วก็ฉี่ที่กระโถน ทำอย่างนั้นประมาณ 2 อาทิตย์ วันหนึ่งรู้สึกฉี่แล้วมีอะไรหลุดออกมาลงในกระโถน แล้วหายปวด ก็เอาก้อนนั้นให้โรงพยาบาลดู เขาบอกว่าใช่ ก้อนนิ่วมันหลุด ก็รักษานิ่วด้วยพลังสมาธิ
ครั้งที่ 2 ตอนปลดเกษียณ อยู่บ้านคนเดียว ลูกก็ไปทำงาน แม่บ้านก็ไปทำงาน อยู่บ้านคนเดียวปรากฏว่าปวดท้องข้างขวาครับ ปวดข้างขวาก็ไส้ติ่งซิ ทำอย่างไรก็ไม่หาย ก็เข้าสมาธิปฐมฌาน เพราะเราจะขับรถไปก็ไม่ได้ แต่สงสัยจะเป็นไส้ติ่ง ก็เขาสมาธิปฐมฌาน มีปิติสุขเกิดขึ้นก็อยู่ได้จนถึงเย็น ลูกก็กลับมา 5 โมงเย็นกว่า เราก็ไม่ได้กินอะไร อยู่ในสมาธิตลอด ลูกจับตัวบอกว่าพ่อทำไมตัวร้อน พาผมไปโรงพยาบาลที่จุฬาฯ ตรวจดูบอกว่าเป็นไส้ติ่งอักเสบจริงๆ ผ่าตัดเดี๋ยวนี้เลย อาจารย์ปวดท้องตั้งแต่ตอนเช้าแล้วอยู่ได้อย่างไร ฉีดมอร์ฟีนให้ตัวเองเหรอ นี่แหละครับ ยืนยันด้วยตัวเองว่ามันใช้ได้จริงๆ ครับทีนี้ก็มีอีกเรื่องหนึ่งที่อยากจะเล่าให้ฟัง พูดถึงเรื่องมะเร็งสักหน่อย เรื่องมะเร็ง เป็นเรื่องที่แปลกว่า มีงานวิจัยที่เกี่ยวกับสารที่ทำให้เกิดภูมิต้านทานเพิ่มขึ้น มีการทดลองในหนู เขาเอาสารตัวหนึ่งชื่อ “โพลีไอซี” ดร.โฮเบิร์ต สเปดเตอร์ ที่ UNDP ฉีดสารนี้แล้วให้ดมกลิ่นซัลเฟอร์ T-cell ของหนูเพิ่มขึ้น T-cell ก็คือภูมิต้านทาน อย่างคนเป็นโรคเอดส์ T-cell ลดลง ภูมิต้านทานต่ำทำให้เป็นโรคอื่นๆ แล้วอีกกลุ่มหนึ่งให้สารที่ทำให้ T-cell ลดลง แล้วให้กินน้ำหวานด้วย ทำซ้ำๆๆๆ กัน ภายหลังให้ดมกลิ่นอย่างเดียว T-cell ก็เพิ่มขึ้น อีกพวกให้กินน้ำหวานอย่างเดียว T-cell ก็ลดลง มันเป็นโปรแกรมจิต ไม่ใช่แต่เสียงกริ่งอย่างเดียว กลิ่นก็ได้ อย่างที่ Dr. Pavlop ทดลองในสุนัข อย่างกลิ่นนี่เป็นเรื่องแปลก ผมเจอคนไข้เป็นมะเร็งระยะสุดท้าย มะเร็งที่ปากมดลูก แพทย์ให้ฉีดเคมีบำบัด แพทย์ฉีดเคมีบำบัดครั้งแรก คลื่นไส้อาเจียนมากเลย ไม่อยากจะฉีดครั้งที่ 2 ครั้งที่ 3 ก็มาทำธรรมชาติบำบัดกับผม ก็ปรากฏว่าถึงเวลาเคมีบำบัดครั้งที่ 2 เราก็บังคับขอร้องให้ไป เพราะว่าทำเคมีบำบัดมันช่วยฆ่าเซลมะเร็งได้ดี ธรรมชาติบำบัดอาจจะช้ากว่า แกก็ไปแล้วก็กลับมารายงาน บอกว่า “อาจารย์…ไปได้กลิ่นโรงพยาบาล…คลื่นไส้ พอเห็นหน้าหมออาเจียน เลยไม่ได้ฉีดครั้งที่ 2” ครั้งที่ 3 ก็ให้ไปฉีดอีก กลับมารายงานอย่างเก่าเลยครับ ได้กลิ่นโรงพยาบาลคลื่นไส้ เห็นหน้าหมอก็อาเจียน หลังจากนั้นประมาณ 2-3 อาทิตย์ ตรวจหาเซลมะเร็ง ไม่มีครับ ดูสิครับมันเป็นโปรแกรมจิตของเขาเอง รักษาโรคตัวเขาเองได้ ฆ่าเซลมะเร็งได้ กลิ่นโรงพยาบาลกับหน้าหมอครับ ตอนฉีดครั้งแรกเคมีบำบัดมันฆ่าเซลมะเร็ง แล้วทำให้เกิดคลื่นไส้อาเจียน มันเป็นโปรแกรมคลื่นไส้อาเจียน พอครั้งที่ 2 ที่ 3 มาคลื่นไส้อาเจียนแล้วก็เกิดการฆ่าเซลมะเร็งไปด้วย ทั้งๆ ที่ไม่ได้ฉีดยา นี่เป็นเรื่องจริงครับ อยากให้การแพทย์ทางเลือกทำวิจัยเรื่องนี้ ผมเจอรายเดียวครับในเรื่องมะเร็ง

พิธีกร : 

เรียนถามอาจารย์ครับ ที่อาจารย์บอกว่าโปรแกรมจิตสำหรับผู้ป่วยมะเร็ง เราจะสามารถใช้เรื่องโปรแกรมจิตไปใช้กับตัวเองอย่างไร? อาจารย์ช่วยแนะนำหน่อยครับนพ.ชินโอสถ : 

วิเคราะห์โปรแกรมจิตในผู้ป่วยที่ฝรั่งเศสเขาทำนะครับ ปรากฏว่า “พวกโรคหัวใจและหลอดเลือดจะมีการเก็บโกรธและเกลียดผู้อื่น” “โรคมะเร็งจะเก็บกดความโกรธและเกลียดตัวเอง” “พวกโรคไขข้ออักเสบจะเก็บโกรธและเกลียดผู้อื่น” อารมณ์โกรธทำให้เกิดโรคทางกาย อารมณ์โกรธที่เก็บเอาไว้ พวกเราเข้าใจเรื่องเกลียดตนเองไหม เกลียดตนเอง อย่างสมมุติว่าทำอะไรผิดพลาดไม่เข้าท่า รู้สึกโกรธเกลียดตนเอง อย่างเช่นไปงานเลี้ยงหรืองานปีใหม่ มีการจับรางวัลเลขที่นั่ง เลขที่นั่งข้างๆ ที่ว่างอยู่มันได้รางวัล เขาก็จับใหม่หรือในกรณีที่เราย้ายที่นั่งไปที่อื่น แล้วที่นั่งเก่าได้รับรางวัล เกลียดตัวเอง อย่างนี้จะทำให้เกิดเป็นมะเร็งขึ้นมาได้
ผมวิเคราะห์จากมะเร็งที่พบมากๆ ปรากฏว่าเรื่องที่โกรธที่เกลียดเกี่ยวกับเรื่องปากท้อง มักจะเป็นมะเร็งที่ระบบย่อยอาหาร ถ้าโกรธเกลียดเรื่องเกี่ยวกับชู้สาว จะเป็นมะเร็งที่ระบบสืบพันธุ์ คนที่เป็นมะเร็งระบบย่อยอาหารมักจะโกรธเกลียดเรื่องการงาน “นี่มันมาแย่งตำแหน่ง ขอให้ฉิบหาย” คนอื่นไม่เป็นอะไร มันมาลงที่ตัวเอง เพราะมันเป็นโปรแกรมจิต คำพูดนั้นมันสั่งสมองตัวเอง วิธีที่จะทำให้อารมณ์โกรธเกลียดหายไปคือ“การแผ่เมตตา” ปรากฏว่า คนเรามีเรื่องโกรธเกลียดกันนี่ ฝรั่งเขามีการศึกษา เช่น ดร.เจ ดา ดูบ เขียนไว้เรื่อง “Freedom from anger” ว่าบางทีเรานึกว่าอารมณ์โกรธที่เคยโกรธมันหายไปแล้ว จริงๆ แล้วไม่หาย มันเก็บไว้เป็นโปรแกรม บางทีไปได้ยินเสียงเพลงหรือน้ำเสียงที่คุ้นเคย หรือแม้แต่ได้เห็นใบหน้าที่คล้ายคลึงที่เคยด่าเรา เป็นต้น ก็โกรธขึ้นมาอีก กลางคืนนอนหลับอยู่ดีๆ แม่บ้านปลุก เพราะแม่บ้านเขาดูทีวี “นี่…คนนี้หน้าเหมือนคนที่คุณเคยไปจีบ” นี่แหละมันเก็บเอาไว้ครับ
พระพุทธเจ้าบอกว่า วิธีที่จะทำให้ความโกรธที่เก็บไว้หมดไป คือ “การแผ่เมตตา” วิธีการแผ่เมตตา เป็นการทำสมาธิอีกแบบหนึ่ง เป็น การสวดมนต์ อย่างที่หลวงพ่อว่า คือ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา ที่พระพุทธเจ้าเรียกว่า “อัปปมัญญา 4” คือ การสวดมนต์แผ่เมตตา พระพุทธเจ้าบอกว่าดีมากๆ เลย ทำให้หลัก “พรหมวิหาร 4” เกิดประโยชน์ 11 อย่าง
1. ย่อมหลับเป็นสุข
2. ย่อมตื่นเป็นสุข
3. ย่อมไม่ฝันร้ายลามก
4. ย่อมเป็นที่รักแห่งมนุษย์ทั้งหลาย
5. ย่อมเป็นที่รักแห่งอมนุษย์ทั้งหลาย
6. เทวดาทั้งหลายย่อมปาปักรักษา
7. ไฟ พิษ หรือศาสตรา ย่อมไม่กล้ำกราย
8. จิตย่อมตั้งมั่นโดยเร็ว (สมาธิเกิดถึงระดับฌาน)
– เป็นวิธีกรรมฐาน 40 อย่างอานาปานสติ ฯลฯ
9. สีหน้าย่อมผ่องใส
10. เป็นผู้ไม่หลงใหลทำกาละ
11. เมื่อไม่แทงตลอดคุณอันยิ่ง ย่อมเป็นผู้เข้าถึงทางโลก
แล้วพระพุทธเจ้าบอกว่า ถ้าแผ่เมตตา 10 ทิศ ให้แก่สัตว์ 12 ชนิด จะลดวิบากกรรมไปด้วย เพราะฉะนั้นผมจึงนำการสวดมนต์มาใช้ในคนไข้ ให้ไปสวดกัน คราวนี้มีประสบการณ์จากพวกมะเร็งครับ
“อัปปมัญญา 4” เวลาที่เจ็บป่วยนะครับ นอนหลับสบาย ตื่นก็เป็นสุข เจ็บป่วยก็หายกันเยอะแยะ มะเร็งก็หาย ทำเคมีบำบัดด้วยยิ่งดี และถ้าไม่หาย อย่างนี้ครับ “หลับตาย สบายมาก” คุณอาผมอายุมากแล้ว เขาเบื่อไปฉีดยาเคมีบำบัด ต้องไปให้น้ำเกลือด้วย อยากตายเร็วๆ ผมเลยให้ไปสวดมนต์ ต่อมาซัก 2-3 อาทิตย์ หลับไปเฉยๆ เลยครับ อย่างนี้เป็นต้นพิธีกร : 

ขอบคุณท่านอาจารย์ชินโอสถฯ มากเลยนะครับ ท่านอาจารย์ก็แนะนำเรื่องการสวดมนต์ แผ่เมตตา อาจารย์ฯ จะเน้นเรื่องพลังศรัทธานะครับ บางครั้งหลายๆ อย่างที่มีการสั่งโปรแกรมจิต โกรธตัวเอง เกลียดตัวเอง เกลียดผู้อื่น หรือว่าเป็นความโกรธนี่นะครับ ที่ทำให้เกิดโรคต่างๆ ขึ้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้น่าจะมีอยู่ในตัวคนทุกคน ไม่ว่าคนที่เป็นมะเร็งหรือไม่เป็นมะเร็งก็ตาม

สร้างเมื่อ 08 – มี.ค.- 48

โมบายแอปพลิเคชัน

 

กรมการแพทย์แผนไทยฯ


สามารถติดต่อเราผ่าน Line

 

ได้แล้ววันนี้

ติดตาม กองการแพทย์ทางเลือก

ผ่านทางโซเชียลมีเดีย​ได้ที่

       


กองการแพทย์ทางเลือก
กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก
อาคาร 2 ชั้น 6 และชั้น 7 กระทรวงสาธารณสุข
ถนนติวานนท์ อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000
โทรศัพท์ : 02 591 7007 ต่อ 2607
โทรสาร : 02 149 5637
อีเมล์ : Thaicam2019@gmail.com

5918632
This Month : 19019
Total Users : 1528145
Views Today : 7399
Server Time : 2024-09-19